ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

 

นายกรัฐมนตรีรับจะเร่งดำเนินการบรรจุแต่งตั้งลูกจ้างชั่วคราวกระทรวงสาธารณสุขภายใน 3 ปีโดยกระทรวงสาธารณสุขจะทยอยบรรจุแต่งตั้งลูกจ้างชั่วคราวกระทรวงสาธารสุขจำนวน 30,188 คน เป็นข้าราชการประมาณปีละ 7,547 อัตรา ภายใน 3 ปี รวม 22,641 อัตรา ส่วนที่เหลือให้บรรจุเป็นพนักงานกระทรวงสาธารณสุขไปก่อน

วันนี้(3ธ.ค.) เวลา 10.00 น. ณ ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมหารือเพื่อทำความเข้าใจและหาแนวทางในการแก้ปัญหาลูกจ้างชั่วคราววิชาชีพของกระทรวงสาธารณสุขร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีนายแพทย์ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายทศพร เสรีรักษ์ โฆษกประจำสำนักนายยกรัฐมนตรี นายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายสุพรรณ ศรีธรรมมา รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.วิจิตร ศรีสุพรรณ นายกสภาการพยาบาล รองศาสตราจารย์ ดร.จินตนา ยูนิพันธุ์ นายกสมาคมพยาบาลแห่งประเทศไทย และตัวแทนลูกจ้างชั่วคราววิชีพพยาบาลเข้าร่วมด้วย

ที่ประชุมได้มีการหารือเกี่ยวกับข้อเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาลูกจ้างชั่วคราว ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ได้ข้อสรุป ดังนี้ ต้องการเพิ่มบุคลากรใหม่ในช่วง 3 ปี (2555-2557) จากจำนวนลูกจ้างในระบบ 30,188 อัตรา โดยขอตำแหน่งข้าราชการ 75 เปอร์เซ็นต์ จำนวน 22,641 อัตรา และขอเป็นพนักงานกระทรวงสาธารณสุข 25 เปอร์เซ็นต์ จำนวน 7,547 อัตรา โดยในปี 2555 ขอตำแหน่งข้าราชการ 10,494 อัตรา โดยให้บรรจุลูกจ้างชั่วคราว จำนวน 7,547 อัตรา และบรรจุนักเรียนทุนรัฐบาล จำนวน 2,947 อัตรา (จำนวน 3 สายงาน แพทย์ ทันตแพทย์ เภสัชกร) เป็นข้าราชการ ส่วนปี 2556 ขอตำแหน่งข้าราชการ 7,547 อัตรา และปี 2557 ขอตำแหน่งข้าราชการ 7,547 อัตรา ซึ่งทั้งสองปีดังกล่าวไม่รวมนักเรียนทุนรัฐบาล 3 สายงาน (แพทย์ ทันตแพทย์ เภสัชกร)

ทั้งนี้กระทรวงสาธารณสุขจะดำเนินการตามข้อเสนอของ ก.พ. ในปี 2556 – 2557 ดังนี้ 1. ทบทวนภารกิจและปรับปรุงระบบบริการ 2. พัฒนาระบบบริหารกำลังคน 3. ปรับระบบการเงินการคลัง และ4. ขับเคลื่อนนำมาตรการระยะยาวไปสู่การปฏิบัติ

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้มีการติดตามปัญหาข้อเรียกร้องการบรรจุแต่งตั้งพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุขมาโดยตลอด ซึ่งพบว่าปัญหาเรื่องการบรรจุแต่งตั้งเป็นปัญหาทั้งระบบ เนื่องจากได้มีการหยุดการบรรจุแต่งตั้งบุคลากรมานาน ขณะเดียวกันก็ไม่มีการบรรจุบุคลากรใหม่มาทดแทนผู้ที่เกษียณอายุราชการไปแล้ว ดังนั้นจึงได้มอบหมายให้สำนักงาน ก.พ. ไปดำเนินการในเรื่องนี้ รวมทั้งเรื่องของการบรรจุแต่งตั้งบุคลากรของกระทรวงสาธารณสุขให้เพียงพอกับประชาชนและผู้มารับบริการ โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทและพื้นที่ห่างไกล พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี รับที่เร่งรัดการดำเนินการเกี่ยวกับการแก้ปัญหาลูกจ้างชั่วคราววิชาชีพของกระทรวงสาธารณสุขให้เห็นผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว โดยจะทยอยดำเนินการภายใน 3 ปี

ภายหลังการประชุมฯ นายแพทย์ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมนายทศพร เสรีรักษ์ โฆษกประจำสำนักนายยกรัฐมนตรี และผู้ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนตัวแทนลูกจ้างชั่วคราววิชาชีพพยาบาล ได้แถลงผลการประชุม สรุปดังนี้

นายกรัฐมนตรีได้รับทราบการรายงานผลการหารือระหว่างลูกจ้างชั่วคราว สภาวิชาชีการพยาบาล สมาคมพยาบาลฯ และกระทรวงสาธารณสุข เกี่ยวกับแนวทางการแก้ไขปัญหาลูกจ้างชั่วคราวของกระทรวงสาธารณสุข ดังนี้ กระทรวงสาธารณสุขจะเร่งดำเนินการทยอยบรรจุลูกจ้างชั่วคราวให้เป็นข้าราชการ ในอัตราประมาณ ปีละ 7,547 อัตรา ภายใน 3 ปี รวมจำนวน 22,641 อัตรา จากลูกจ้างชั่วคราวทั้งหมดในระบบ 30,188 อัตรา ส่วนที่เหลือที่ยังรอการบรรจุเป็นข้าราชการนั้น ก็จะบรรจุให้เป็นพนักงานกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งจะทำให้ทดแทนสิทธิประโยชน์ที่สูญเสียไปจากการเป็นลูกจ้างชั่วคราว เช่น สิทธิประโยชน์ทางด้านสินเชื่อต่าง ๆ ค่าการรักษาพยาบาล การสงเคราะห์บุตร การว่างงาน เงินชราภาพ ค่ารักษาพยาบาลสำหรับทายาทสายตรงใช้สิทธิ 30 plus กองทุนสำรองเลี้ยงชีพสำหรับพนักงานกระทรวงสาธารณสุข สัญญาจ้างจากปีต่อปี เป็น 4 ปี สามารถย้ายได้เช่นเดียวกับข้าราชการ ฯลฯ

ทั้งนี้การบรรจุข้าราชการที่ได้รับอัตราใหม่ คาดสำนักงาน ก.พ. จะนำเสนอ ก.พ.ร. ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายในสัปดาห์หน้า (11ธ.ค.55) เพื่อที่กระทรวงสาธารณสุขและสำนักงาน ก.พ. จะเร่งดำเนินการบรรจุลูกจ้างชั่วคราวกระทรวงสาธารณสุขเป็นข้าราชการต่อไป ภายใต้เงื่อนไขที่ใช้ประกอบการพิจารณาบรรจุเป็นข้าราชการ ดังนี้ 1) อายุงานของการเป็นลูกจ้างชั่วคราว (ขณะนี้อายุงานที่นานที่สุดคือเป็นลูกจ้างชั่วคราวตั้งแต่ปี 2549) 2) ภาระงานของแต่ละโรงพยาบาล 3) พื้นที่ เช่น ชนบทและพื้นที่ที่อยู่ห่างไกล และ4) งานตามภารกิจ ซึ่งการดำเนินการภายใต้เงื่อนไขดังกล่าวจะเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างทีมบริหารของกระทรวงสาธารณสุขกับตัวแทนลูกจ้างชั่วคราวและผู้ที่เกี่ยวข้อง ในการพิจารณาจัดสรรอัตราที่จะได้รับการบรรจุต่อไป