ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

โรงพยาบาลนครธนไม่สนควบรวมกิจการทุ่ม 80 ล้านบาท เดินหน้าขยายบริการรับไทย-เทศย่านชานเมือง

นพ.วิโรจน์ ตระการวิจิตร ผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ โรงพยาบาลนครธน เปิดเผยว่า มีเครือโรงพยาบาลขนาดใหญ่พยายามมาเจรจาเพื่อขอควบรวมกิจการกับโรงพยาบาลนครธนไปเป็นโรงพยาบาลในเครือ แต่คณะกรรมการโรงพยาบาลนครธนยังไม่สนใจแนวทางจะควบรวมกับโรงพยาบาลขนาดใหญ่จึงปฏิเสธไป เนื่องจากยังต้องการให้โรงพยาบาลนครธนเป็นโรงพยาบาลเดี่ยว (สแตนด์อะโลน) อยู่

สำหรับในปีนี้ นครธนมีแผนลงทุนไม่ต่ำกว่า 80 ล้านบาท เพื่อพัฒนาโรงพยาบาลให้ตอบสนองความต้องการของผู้ป่วยได้ดีขึ้น เช่น เปิดศูนย์หัวใจ ชั้น3 ใช้งบ 35 ล้านบาท และกำลังสร้างศูนย์ตรวจสุขภาพ (เช็ก อัพ) ด้วยงบ 40 ล้านบาท ที่ชั้น 11 ส่วนที่เหลือใช้ปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆขณะที่อนาคตมีแผนจะขยายศูนย์แพทย์เฉพาะทางเพิ่มโดยมองไว้ว่าจะเปิดศูนย์เด็กหลอดแก้วเพื่อรองรับความต้องการกลุ่มผู้มีบุตรยากและต้องการคัดเลือกโครโมโซมของเด็กที่สมบูรณ์ที่สุด

ทั้งนี้ โรงพยาบาลได้ตั้งเป้าหมายรายได้ในปีนี้ไว้ที่ 1,250 ล้านบาท เพิ่มขึ้น20% จากปีที่ผ่านมา โดยในครึ่งปีแรกมีรายได้แล้ว 600 ล้านบาท เติบโต 16%จากครึ่งปีแรกของปี 2555 ซึ่งเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ เพราะปกติครึ่งปีแรกจะโตประมาณ 15% แต่จะเติบโตมากในครึ่งปีหลังที่คาดว่าจะโตไม่ต่ำกว่า 25% ทำให้ทั้งปีเติบโตได้ตามเป้าหมาย เพราะช่วงครึ่งปีหลังมีฤดูฝนและฤดูหนาวและมีเทศกาลหลายเทศกาล ที่โรงพยาบาลจะจัดแพ็กเกจให้ลูกค้ามาใช้บริการ ทำให้มีผู้ใช้บริการมากกว่าครึ่งปีแรก ประกอบกับ การเปิดให้บริการศูนย์หัวใจจะสร้างรายได้ให้มากขึ้น

นพ.วิโรจน์ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันโรงพยาบาลมีผู้ใช้บริการเป็นคนไทย 95%และต่างชาติ 5% ส่วนอนาคตแนวโน้มชาวต่างชาติคงมาใช้บริการมากขึ้น เพราะมีชาวต่างชาติมาทำงานพื้นที่ใกล้เคียงโรงพยาบาลมากขึ้น

ขณะเดียวกันคาดว่าจะมีชาวต่างชาติจากประเทศในอาเซียนมามากขึ้นแน่นอนโดยเฉพาะเมื่อเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ซึ่งโรงพยาบาลอยู่ระหว่างเตรียมพร้อมรองรับชาวต่างชาติมากขึ้นทั้งด้านบุคลากรให้มีความสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษและจีน ป้ายบอกทางที่จะเพิ่มภาษาต่างประเทศมากขึ้น

"ยังยืนยันว่าจะเป็นโรงพยาบาลเพื่อตอบสนองคนไทยเป็นหลักแต่ไม่ปิดกั้นชาวต่างชาติ เพราะหากเปิดประเทศ ต่างชาติเข้ามามากขึ้น สนใจมาใช้บริการ ก็ปฏิเสธไม่ได้" นพ.วิโรจน์ กล่าว

ที่มา: หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ วันที่ 10 สิงหาคม 2556