ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

แนวหน้า - นายแพทย์วชิระ เพ็งจันทร์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ความคืบหน้าของการจัดสวัสดิการให้แก่พนักงานกระทรวงสาธารณสุข หรือ พกส. ซึ่งเป็นไปตามระเบียบกระทรวงสาธารณสุขด้วยพนักงาน กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ พ.ศ.2556 เป็นต้นมา ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขได้ดำเนินการ บรรจุลูกจ้างชั่วคราวที่ปฏิบัติงานในโรงพยาบาลในสังกัด ทั่วประเทศประมาณ 1.3 แสนคน เป็นพนักงานกระทรวงสาธารณสุขเรียบร้อยแล้วและมีผลตั้งแต่ วันที่ 1 ตุลาคม 2556 เป็นต้นมา ขั้นตอนที่กระทรวง จะเร่งดำเนินการต่อไปก็คือการเตรียมจัดตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพพนักงานกระทรวงสาธารณสุข เพื่อเป็นสวัสดิการส่งเสริมการออมและเป็นหลักประกันแก่พนักงานกระทรวงสาธารณสุข กรณีเสียชีวิต ออกจากงาน เกษียณอายุ หรือลาออกจากกองทุน โดยได้แต่งตั้งคณะกรรมการบริหารกองทุนสำรองเลี้ยงชีพพนักงานกระทรวงสาธารณสุขเป็นการชั่วคราว 1 ชุด มีวาระหนึ่งปี เพื่อทำหน้าที่จัดทำร่างข้อบังคับกองทุนดังกล่าว ให้มีผลใช้บังคับภายใน 2 ปีนี้

คณะกรรมการกองทุนสำรองเลี้ยงชีพพนักงาน กระทรวงสาธารณสุข ชุดชั่วคราวมีทั้งหมด 23 คน มีปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานกรรมการ คณะกรรมการมาจากกรรมการโดยตำแหน่ง จำนวน 6 คน ประกอบด้วยรองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ที่รับผิดชอบเรื่อง พกส. ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข ผู้อำนวยการกลุ่มประกันสุขภาพ ผู้อำนวยการ กลุ่มกฎหมาย ผู้อำนวยการกลุ่มบริหารงานบุคคล และผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ คณะกรรมการที่มาจากผู้แทนส่วนราชการ 8 คน ประกอบด้วย อธิบดีกรมตัวแทนนายแพทย์สาธารณสุข จังหวัด ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป และผู้แทนพนักงานกระทรวงสาธารณสุข จากกรมวิชาการและจากสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข รวม 8 คน

ผลการประชุมคณะกรรมการฯครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2557 ที่ผ่านมา เพื่อพิจารณาแนวทางการจัดทำร่างข้อบังคับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พนักงานกระทรวงสาธารณสุข ที่ประชุมมีมติให้แต่งตั้ง คณะทำงานย่อย 1 ชุด เพื่อจัดหาภาคเอกชนที่มีความเชี่ยวชาญ เข้าร่วมจัดทำข้อบังคับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพพนักงานกระทรวงสาธารณสุข โดยกำหนด กรอบระยะเวลาการดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน จากนั้นจะประชุมรับฟังความคิดเห็นจากคณะกรรมการบริหารกองทุน เพื่อให้ความเห็นชอบ และเสนอปลัดกระทรวงสาธารณสุขลงนามประกาศใช้และยื่นขอ จดทะเบียนกองทุนต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ตามข้อกฎหมาย เพื่อใช้อย่างถาวรต่อไป

ที่มา: หนังสือพิมพ์แนวหน้า  วันที่ 12 มีนาคม 2557