ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กพย.ออกโรงเตือนปัญหาใช้ยาในโรงเรียนสุ่มเสี่ยงเกิดอันตราย แนะสธ.จับมือศธ. พัฒนาระบบยาถูกมาตรฐานความปลอดภัย

3 ก.ค. ผศ.ภญ.นิยดา เกียรติยิ่งอังศุลี ผู้จัดการแผนงานพัฒนากลไกเฝ้าระวังระบบยา (กพย.) เปิดเผยว่า จากการติดตามและเฝ้าระวังระบบยาในชุมชนที่ผ่านมา พบว่า โรงเรียนเป็นอีกสถานที่ที่ต้องระวังในเรื่องการใช้ยา โดยรูปแบบการใช้ยาในโรงเรียนจะมี 2 รูปแบบ คือ 1.ยาในโรงเรียนจัดหาเป็นยาสามัญทั่วไป และ 2.ยาที่เด็กนักเรียนพกมา เนื่องจากมีอาการป่วยด้วยโรคประจำตัว โรคเรื้อรังต่างๆ โดยเฉพาะโรคหอบหืด  ปัญหาคือ ที่ผ่านมาไม่มีใครมาตรวจสอบว่ายาในโรงเรียนมีกี่รายการ และมียาปฏิชีวนะร่วมด้วย  อย่างยาแก้ท้องเสีย ยาแก้ไอ ซึ่งตรงนี้หากไม่มีการควบคุมการใช้จะเป็นปัญหาจากการใช้ยาปฏิชีวนะโดยไม่จำเป็น

ผศ.ภญ.นิยดา กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังมีปัญหาเรื่องระบบจัดหายา ซึ่งมาจากส่วนกลาง และในพื้นที่ โดยในพื้นที่คือ บางโรงเรียนมีการจัดการดีก็จะพบว่าได้ให้โรงพยาบาลชุมชน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล(รพ.สต.) มาช่วยแนะนำและจัดหายาในโรงเรียน แต่บางโรงเรียนอาจให้แค่เภสัชกรประจำโรงพยาบาลเข้ามาแนะนำเท่านั้น ขณะที่เภสัชกรบางคนก็ไม่สนใจในการติดตามการใช้ยาในโรงเรียนอีก ส่วนบางโรงเรียนอาจใช้วิธีการจัดหายาจากส่วนกลาง คือ ทางกระทรวงศึกษาธิการจะดำเนินการจัดส่งให้ เรื่องนี้ก็สำคัญ เพราะหากการจัดส่งยาไม่มีการจัดเก็บอย่างดี อาจส่งผลต่อคุณภาพยาด้วย ส่วนยาที่เด็กนักเรียนพกมา เนื่องจากเป็นโรคประจำตัว แต่ต้องให้ทางโรงเรียนเก็บไว้ให้นั้น ประเด็นอยู่ที่ครูพยาบาลประจำห้องพยาบาลจะเข้าใจตัวยามากน้อยแค่ไหน และหากให้รับประทานไม่ตรงเวลาก็อาจส่งผลต่อเด็ก

“จากปัญหาทั้งหมดสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) จะต้องร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) ใส่ใจเรื่องนี้โดยมีการจัดระบบยาให้ถูกต้องได้มาตรฐาน กล่าวคือ การจัดหายาจะต้องมีเภสัชกรดำเนินการให้ และตรวจสอบการใช้ยาจริง โดยจะต้องมีการฝึกอบรมครูพยาบาลให้มีความรู้ความเข้าใจอย่างสม่ำเสมอ โดยเรื่องนี้ต้องร่วมมือกันและจัดทำเป็นนโยบายที่ชัดเจนนำไปสู่การปฏิบัติ ที่สำคัญต้องมีระบบติดตามประเมินผลที่มีประสิทธิภาพด้วย” ผศ.ภญ.นิยดา กล่าว

ผศ.ภญ.นิยดา กล่าวอีกว่า  การจัดการระบบยาที่ดีในโรงเรียน ซึ่งในต่างประเทศมีการดำเนินการแล้ว อย่างสหรัฐอเมริกา ได้ออกกฎหมายกำหนดให้โรงเรียนต้องจัดหาบริการสุขภาพที่จำเป็นสำหรับเด็กที่มีปัญหาสุขภาพเรื้อรัง รวมทั้งเด็กพิการ รวมถึงเรื่องการจ่ายยาด้วย จากกฎหมายดังกล่าวทำให้แต่ละรัฐมีการออกแนวทางต่างๆ  ซึ่งส่งผลให้แต่ละโรงเรียนต้องมากำหนดกฎเกณฑ์ภายในโรงเรียนเกี่ยวกับการดูแลการใช้ยาของนักเรียนกลุ่มเฉพาะ โดยโรงเรียนส่วนใหญ่จะมีคณะกรรมการโรงเรียนที่มีบุคลากรสาธารณสุขให้คำแนะนำในเรื่องการดูแลการใช้ยาให้เกิดความปลอดภัยด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ข้อมูลจากจดหมายข่าวศูนย์ข้อมูลเฝ้าระวังระบบยา “ยาวิพากษ์” ฉบับเดือน ตุลาคม - ธันวาคม 2556 ที่ผ่านมา โดยภก.ภาณุโชติ ทองยัง ชมรมเภสัชชนบท ได้ทำโครงการพัฒนาระบบเฝ้าระวังและจัดการความเสี่ยงด้านยาในสถานศึกษาของคณะทำงานเครือข่ายเภสัชสาธารณสุข ซึ่งดำเนินงานตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2554-เดือนกรกฏาคม 2555 ใน 12 พื้นที่ คือ สมุทรสงคราม สมุทรสาคร ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี ลพบุรี สระแก้ว สระบุรี อ่างทอง สมุทรปราการ สกลนคร  ร้อยเอ็ด และเชียงราย ซึ่งหลายแห่งยังไม่มีการจัดการที่ดี บางแห่งมีการใช้ยาปฏิชีวนะ ยาหมดอายุ จัดเก็บยาไม่เหมาะสม  ไม่มีการบันทึกข้อมูลการใช้ยาของนักเรียน  เป็นต้น