ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

สธ. เผยสถานการณ์โรคตาแดงปีนี้สูงกว่าปีที่ผ่านมา เกือบ 7 เดือนทั่วประเทศพบผู้ป่วยถึง 80,007 ราย มากกว่าช่วงเดียวกันในปี 2556 ร้อยละ 9 และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น พบได้ทุกวัย ย้ำเตือนเด็กที่เล่นน้ำท่วมขังเสี่ยงเกิดโรคตาแดงได้สูง โรคนี้ป้องกันได้โดยล้างมือด้วยน้ำและสบู่บ่อยๆ ไม่ขยี้ตา หากมีอาการตาแดง และมีปัญหาตาพร่ามัวร่วมด้วย อาจเป็นอันตรายได้ ให้รีบพบจักษุแพทย์โดยด่วน

นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ในช่วงหน้าฝนนี้มีหลายโรคที่สามารถติดต่อกันและระบาดได้ง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคตาแดง เนื่องจากโรคนี้ติดต่อกันง่ายจากการสัมผัสเชื้อโรคแล้วมาโดนตา ปีนี้ผ่านมาเกือบ 7 เดือน สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค รายงานตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 20 กรกฎาคม 2557 มีผู้ป่วยแล้ว 80,007 ราย เฉลี่ยวันละ 408 ราย สูงกว่าช่วงเดียวกันในปี 2556 ร้อยละ 9 และคาดว่ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ภาคใต้มีอัตราป่วยสูงสุด โดย 5 จังหวัดที่มีอัตราป่วยต่อแสนคนสูงสุดได้แก่ ปัตตานี นราธิวาส พัทลุง ยะลา และปราจีนบุรี ผู้ป่วยพบได้ทุกกลุ่มอายุ ในจำนวนนี้พบในเด็กอายุต่ำกว่า 28 วัน 394 ราย แสดงให้เห็นว่าผู้ปกครอง ผู้ดูแลเด็กขาดความระมัดระวัง โดยเฉพาะการดูแลความสะอาดมือก่อนอุ้มเด็ก หรืออาจมีคนป่วยโรคตาแดงอยู่ภายในบ้านและคลุกคลีกับเด็กแรกเกิด ทำให้ติดเด็กแรกเกิดได้

นพ.ณรงค์ กล่าวต่อว่า ได้สั่งการให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ เผยแพร่ความรู้ การดูแลสุขภาพ ป้องกันการเกิดโรคตาแดงให้ประชาชนในพื้นที่ทราบ เพื่อป้องกันการป่วยจากโรคนี้ โดยเฉพาะช่วงที่มีน้ำป่าไหลหลาก ฝนตกหนัก มีน้ำท่วมขังในพื้นที่ ขอให้ผู้ปกครองย้ำเตือนลูกหลานอย่าลงไปเล่นน้ำ เนื่องจากในน้ำท่วมขังจะมีสิ่งสกปรกที่อยู่บนพื้นดิน เช่นมูลสัตว์ต่างๆ ขยะปนเปื้อนเป็นจำนวนมาก และมองไม่เห็น หากน้ำเข้าตาจะทำให้ตาอักเสบและเป็นโรคตาแดง และหากน้ำเข้าปากอาจเกิดโรคอุจจาระร่วงได้

นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า โรคตาแดง (Haemorrhagic Conjunctivitis) เกิดจากเชื้อไวรัสและเชื้อแบคทีเรีย โดยเชื้อโรคจะอยู่ในน้ำสกปรกหรือฝุ่นละอองเข้าตาโดยตรงหรือติดมากับมือ เมื่อเชื้อโรคเข้าตาจะทำให้ระคายเคืองตา ตาแดง มีขี้ตามาก หนังตาบวม ปวดตาหรือมองแสงจ้าไม่ได้ อาจเป็นข้างหนึ่งข้างใดหรือเป็นทั้ง 2 ข้าง โรคนี้ติดต่อกันจากการสัมผัสมากที่สุด โดยสัมผัสกับน้ำตา ขี้ตา หรือสัมผัสของใช้ของผู้ป่วย เช่นผ้าขนหนู ผ้าเช็ดหน้า สิ่งสำคัญที่สุดเมื่อป่วยแล้วต้องหยุดเรียน หยุดงานประมาณ 7 วัน เพื่อป้องกันโรคติดต่อไปยังผู้อื่น ล้างมือด้วยน้ำและสบู่บ่อยๆ จะตัดวงจรการแพร่กระจายเชื้อได้อย่างดี

ทั้งนี้ โดยทั่วไปแล้ว โรคตาแดงมักจะไม่ทำให้ปวดตามากหรือตามัว สิ่งที่ควรระวังคือ หากเป็นโรคนี้แล้วมีอาการปวดตามาก ตาแดงมาก ตามัวหรือมองสู้แสงไม่ได้ ควรรีบพบจักษุแพทย์ เนื่องจากอาจเป็นโรคอื่นเช่นต้อหิน ม่านตาอักเสบ ซึ่งถ้าได้รับการรักษาช้าอาจเกิดความพิการอย่างถาวรของตาได้

สำหรับผู้เป็นโรคตาแดงแล้ว โรคนี้จะมีน้ำตา ขี้ตาออกมามากกว่าปกติ ควรใช้กระดาษทิชชูที่สะอาดเช็ดหรือซับน้ำตาแล้วทิ้งในถุงพลาสติก ไม่ใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาหรือเช็ดขี้ตา เนื่องจากเชื้อโรคจะสะสมอยู่ในผ้าและติดต่อคนอื่นได้ ต้องล้างมือบ่อยๆโดยเฉพาะหลังสัมผัสน้ำตา ขี้ตา พักผ่อนให้เพียงพอ และพักการใช้สายตา หลีกเลี่ยงการสัมผัสผู้อื่น ไม่ใช้ของร่วมกับผู้อื่น เช่น ผ้าห่ม ผ้าขนหนู ไม่ใช้ผ้าปิดตา เนื่องจากจะทำให้เชื้อโรคเจริญเติบโตได้มากขึ้น อย่าให้แมลงวันแมลงหวี่ตอมตา เพื่อป้องกันเชื้อติดคนอื่น