ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

2 ส.ค. 2557 เครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ประเทศไทยและองค์การพัฒนาเอกชนด้านเอดส์ ออกแถลงการณ์ร่วมชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีสององค์กรถูกปฏิเสธให้บริการจากโรงแรมทาวน์อินทาวน์ ชี้เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน และเลือกปฏิบัติต่อผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ อย่างชัดเจน ระบุจะดำเนินการรณรงค์ให้สาธารณชนได้ร่วมกันบอยคอตการใช้บริการของโรงแรมในเครือแห่งนี้ โดยจะทำหนังสือเวียนถึงทุกหน่วยงานทั้งเอกชน และราชการ เพื่อให้เลิกการสนับสนุนโรงแรมดังกล่าว จนกว่าทางโรงแรมจะมีการเปลี่ยนแปลงนโยบาย รวมทั้งชี้แจงต่อกรณีดังกล่าวอย่างเป็นทางการ

รายละเอียดแถลงการณ์มีดังนี้

๑ สิงหาคม ๒๕๕๗
แถลงการณ์ชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ประเทศไทยและองค์การพัฒนาเอกชนด้านเอดส์ถูกปฏิเสธให้บริการจากโรงแรมทาวน์อินทาวน์

จากกรณีที่เครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ประเทศไทย และองค์การพัฒนาเอกชนด้านเอดส์ ถูกปฏิเสธการจัดประชุม สัมมนา และบริการห้องพัก ห้องอาหารจากโรงแรมทาวน์อินทาวน์ กรุงเทพฯ และเมื่อวันที่ ๓๐ กรกฎาคม ที่ผ่านมา ตัวแทนจากเครือข่ายผู้ติดเชื้อฯ และองค์การพัฒนาเอกชนด้านเอดส์ เข้ายื่นหนังสือต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเพื่อให้ตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน และการเลือกปฏิบัติต่อผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ตามที่เป็นข่าวนั้น

เครือข่ายผู้ติดเชื้อฯ และมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ ขอชี้แจงข้อเท็จจริงว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน และเลือกปฏิบัติต่อผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ อย่างชัดเจน โดยไม่เพียงกระทำต่อผู้ติดเชื้อฯ เท่านั้น แต่ยังเหมารวมถึงทุกองค์กรที่ทำงานในเรื่องเอดส์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นทัศนคติของผู้บริหารโรงแรมที่ขาดความรู้ความเข้าใจในเรื่องนี้ รวมถึงมีอคติต่อตัวผู้ติดเชื้อฯ ซึ่งสะท้อนจากคำให้สัมภาษณ์ของเจ้าหน้าที่โรงแรมที่อ้างถึงเหตุผลของผู้บริหารในการไม่ให้บริการ

ตัวอย่างเช่น การอ้างว่า ลูกค้ารายอื่นๆ เกิดความไม่สบายใจในการใช้สถานที่ร่วมกัน อย่างห้องพัก หรือห้องอาหาร ขณะที่ข้อเท็จจริงคือ ไม่เคยมีใครติดเชื้อเอชไอวีจากการใช้ชีวิตร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหารโดยใช้ช้อนส้อมร่วมกัน ดื่มน้ำแก้วเดียวกัน ใช้ห้องน้ำ หรือห้องพักร่วมกัน ไม่เพียงเท่านั้น การจะทราบว่าใครติดเชื้อเอชไอวีหรือไม่ ต้องใช้การตรวจเลือดเพื่อตรวจหาเชื้อเอชไอวีเท่านั้น ไม่สามารถสังเกตจากรูปลักษณ์ภายนอกได้

อนึ่ง การที่เจ้าหน้าที่ของโรงแรมอ้างว่า ทางองค์กรยกเลิกการจัดงานกระทันหัน ข้อเท็จจริงคือ ในวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน – ๑ ธันวาคม ๒๕๕๖ มูลนิธิเข้าถึงเอดส์ติดต่อขอใช้สถานที่เพื่อจัดอบรมให้กับอาสาสมัครสายด่วนปรึกษาเอดส์ ๑๖๖๓ แต่เนื่องจากเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมืองที่เกิดขึ้นในบริเวณพื้นที่รามคำแหง ซึ่งใกล้กับสถานที่จัดงาน ทางองค์กรผู้จัดคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้เข้าร่วมอบรม ที่ต้องเดินทางมาในพื้นที่เสี่ยง จึงยกเลิกการจัดอบรมในวันที่ ๑ ธันวาคม โดยได้ปรึกษากับทางฝ่ายขายของโรงแรมเพื่อรับผิดชอบกรณีดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ทางมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ได้จัดอบรมให้อาสาสมัครสายด่วนฯ อีกครั้งในวันที่ ๑๔ – ๑๕ ธันวาคม ๒๕๕๖, ๑๘ – ๑๙ มกราคม, ๒๕ มกราคม และ ๑ – ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ ตามลำดับ

นอกจากนี้ การให้เหตุผลว่ามีทรัพย์สินสูญหาย เมื่อวันที่ ๑๘ มกราคม ที่ผ่านมา ทางโรงแรมได้พิสูจน์ด้วยการตรวจสอบกล้องโทรทัศน์วงจรปิดแล้ว และพบว่าไม่ใช่ผู้เข้าร่วมอบรมจากมูลนิธิเข้าถึงเอดส์แต่อย่างใด การให้สัมภาษณ์เช่นนี้เป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงและถือว่า เข้าข่ายการหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยเจตนา ซึ่งทางมูลนิธิเข้าถึงเอดส์จะพิจารณาเอาผิดต่อกรณีนี้ต่อไป

รวมถึงการอ้างว่ามีการติดต่อไปยังโรงแรม โดยการเปลี่ยนชื่อติดต่อไป และสุดท้ายให้ออกใบเสร็จในชื่อของมูลนิธิฯ นั้นเป็นการกล่าวอ้างที่ไม่เป็นจริง ซึ่งพฤติกรรมการให้ข้อมูลบิดเบือนเช่นนี้แสดงเจตนาต้องการทำให้มูลนิธิฯ เสื่อมเสียชื่อเสียงอย่างชัดเจน

ไม่เพียงเท่านั้น การอ้างว่าผู้เข้าร่วมงานแต่งกายไม่เรียบร้อย สะท้อนให้เห็นทัศนคติของเจ้าหน้าที่และผู้บริหารโรงแรมที่ดูถูกเหยียดหยามศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ แบ่งแยกชนชั้นจากการแต่งกาย และมองคนจากภายนอก ซึ่งไม่สมควรเป็นทัศนะของผู้ที่ทำหน้าที่ให้บริการ

ทั้งนี้ ทางเครือข่ายผู้ติดเชื้อฯ และมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ จะดำเนินการรณรงค์ให้สาธารณชนได้ร่วมกันบอยคอตการใช้บริการของโรงแรมในเครือแห่งนี้ โดยจะทำหนังสือเวียนถึงทุกหน่วยงานทั้งเอกชน และราชการ เพื่อให้เลิกการสนับสนุนโรงแรมดังกล่าว จนกว่าทางโรงแรมจะมีการเปลี่ยนแปลงนโยบาย รวมทั้งชี้แจงต่อกรณีดังกล่าวอย่างเป็นทางการ

ขอแสดงความนับถือ

(อภิวัฒน์ กวางแก้ว) ประธานเครือข่ายผู้ติดเชื้อฯ

(นิมิตร์ เทียนอุดม) ผู้อำนวยการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์