ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

แฉเล่ห์บริษัทบุหรี่ ทำมวนสั้นลง เล็กลง หวังเลี่ยงภาษี ชี้ทำรัฐบาลเก็บภาษีน้อยลง เสียส่วนแบ่งการตลาดระดับล่างให้ของบุหรี่นอก จี้ออกกฎหมายคุมมาตรฐานมวนบุหรี่ต้องน้ำหนักไม่ต่ำกว่า 1 กรัม บรรจุไม่น้อยกว่า 20 มวนต่อซอง ย้ำมวนเล็กสั้นลงอันตรายเท่าเดิม 

ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่  เปิดเผยว่าขณะนี้บริษัทบุหรี่ทั้งโรงงานยาสูบไทยและบุหรี่ต่างประเทศ ต่างทยอยผลิตบุหรี่มวนที่มีขนาดเล็กลงหรือสั้นลง เพื่อลดภาระภาษีสรรพสามิตที่ใช้ระบบสองเลือกหนึ่ง  โดยเลือกเก็บภาษีตามน้ำหนัก หนึ่งบาทต่อกรัม หรือเลือกเก็บโดยคิดตามมูลค่าราคาต้นทุนที่แจ้ง และกรมสรรพสามิตจะเก็บภาษีตามมูลค่าภาษีที่มากกว่า 

ซึ่งโดยปกติบุหรี่แต่ละมวนจะมีน้ำหนักประมาณหนึ่งกรัม  ซึ่งจะทำให้บุหรี่แต่ละซองที่มีบุหรี่ 20 มวนจะต้องเสียภาษีสรรพสามิตยี่สิบบาทต่อซอง ถ้าหากคิดภาษีตามราคาต้นทุนที่แจ้งแล้วมีค่าต่ำกว่ายี่สิบบาท  บริษัทบุหรี่จึงหาทางหลีกเลี่ยงภาษีโดยการผลิตหรือนำเข้าบุหรี่ราคาถูกโดยผลิตบุหรี่มวนเล็กลงหรือสั้นลง  ทำให้บุหรี่แต่ละมวนมีน้ำหนัก 0.7 กรัมหรือต่ำกว่า  ทำให้เสียภาษีเพียงมวนละ 70 สตางค์ และ 14 บาทต่อซอง  ทำให้สามารถขายปลีกได้ที่ราคาเพียง 25 บาทต่อซอง  ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความเสียหายหลายประการ  โดยทำให้รัฐบาลเก็บภาษียาสูบได้น้อยลง  และโรงงานยาสูบเสียส่วนแบ่งตลาดบุหรี่ระดับล่างให้แก่บุหรี่นำเข้าราคาถูกในสัดส่วนที่มากขึ้นมากขึ้น  เพราะบุหรี่ระดับล่างของโรงงานยาสูบยังมีราคาขายปลีกซองละ 30 กว่าบาท 

ที่สำคัญคือบุหรี่ที่มวนเล็กลงไม่ได้หมายความว่ามีอันตรายต่อสุขภาพน้อยกว่า  เนื่องจากพฤติกรรมการสูบบุหรี่เป็นไปตามระดับความต้องการนิโคตินที่ผู้สูบบุหรี่แต่ละคนเสพติดอยู่  ดังนั้นไม่ว่าผู้สูบบุหรี่จะสูบบุหรี่มวนขนาดธรรมดาหรือมวนที่เล็กกว่า  ผู้สูบบุหรี่แต่ละคนก็ยังต้องการนิโคตินในระดับเท่าเดิม  ซึ่งเมื่อสูบบุหรี่มวนขนาดเล็กกว่า  ก็จะสูดควันบุหรี่เข้าปอดลึกขึ้น และอั้นหายใจเก็บควันบุหรี่ไว้ในปอดนานขึ้น  เพื่อให้ได้รับนิโคตินในระดับที่ต้องการก่อนที่จะหายใจออก  โดยพฤติกรรมการสูบบุหรี่ที่เปลี่ยนไปเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ และท้ายสุดการปล่อยให้มีบุหรี่ราคาถูก ๆ ออกสู่ตลาด  ทำให้ผู้ที่ติดบุหรี่อยู่แล้ว ไม่คิดที่จะเลิกสูบ และทำให้เด็ก ๆ เข้าถึงบุหรี่มากขึ้น  เกิดนักสูบหน้าใหม่เพิ่มขึ้น  ซึ่งเรื่องนี้กระทรวงการคลังต้องทำการแก้ไขอย่างเร่งด่วน  โดยการออกกฎกระทรวงกำหนดมาตรฐานมวนบุหรี่ตามมาตรา 5 พ.ร.บ.ยาสูบ พ.ศ.2509  ให้แต่ละมวนต้องมีน้ำหนักไม่ต่ำกว่าหนึ่งกรัม  และซองละไม่ต่ำกว่า 20 มวน  ซึ่งจะทำให้ราคาขายปลีกบุหรี่ซิกาแรตซองละ 30 บาทขึ้นไป  อันจะทำให้เกิดนักสูบหน้าใหม่น้อยลง  ขณะที่รัฐบาลจะเก็บภาษียาสูบได้เพิ่มขึ้นด้วย