ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ปลัดสธ.ตรวจเยี่ยมการจัดบริการประชาชนที่รพ.ชุมชนชายแดนไทย-ลาวที่อุตรดิตถ์ พบปัญหาวิกฤตทางระบบการเงินการคลังจากประชากรน้อย กำชับให้จัดบริการที่มีประสิทธิภาพตามบริบทของแต่ละพื้นที่ ไม่ใช้เงินนำการทำงาน ชี้ขณะนี้มีรพ.เกิดวิกฤตทางระบบการเงินการคลังทั่วประเทศ 105 แห่งอยู่ระหว่างเจรจาปรับปรุงการบริหารระบบการเงินกับ สปสช. เพื่อให้รพ.ดำเนินงานได้

20 ธ.ค.57 นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุขให้สัมภาษณ์ภายหลังตรวจเยี่ยมรพ.บ้านโคก รพ.ฟากท่า และรพ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์ ซึ่งเป็นรพ.ชุมชนขนาดเล็กตามแนวชายแดนไทย-ลาว ในภาคเหนือด้านตะวันออกเพื่อให้กำลังใจการทำงานและติดตามปัญหาอุปสรรคในการจัดบริการให้ประชาชน เนื่องจากทั้ง 3 แห่งประสบปัญหาวิกฤตทางระบบการเงินการคลัง จากจำนวนประชากรในความรับผิดชอบน้อย ได้กำชับให้รพ.ทุกแห่งจัดบริการที่ดีที่สุดสำหรับให้ประชาชน บริหารอย่างมีประสิทธิภาพตามบริบทของแต่ละพื้นที่ ไม่ใช้ระบบเงินนำการทำงาน ให้ใช้เพื่อสนับสนุนการทำงาน

นพ.ณรงค์ กล่าวว่า ต้องยอมรับว่า การบริหารระบบการเงินการคลังขณะนี้ กระทบทำให้รพ.บางแห่ง เกิดวิกฤตสถานะการเงินติดลบต่อเนื่อง โดยเฉพาะรพ.ที่ประชากรในพื้นที่รับผิดชอบน้อย ในพื้นที่พิเศษ พื้นที่ชายแดน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาขอปรับปรุงการบริหารกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เพื่อให้รพ.ทุกแห่งสามารถจัดบริการได้ อย่างน้อยเบื้องต้น ควรมีเงินเพียงพอที่จะทำงานได้เลย ไม่ต้องคอยกังวลเรื่องเงินไม่พอจัดบริการ เพื่อให้ประชาชนได้รับบริการที่ดีที่สุด

นพ.ณรงค์ กล่าวต่อว่า จากการตรวจเยี่ยมรพ.ทั้ง 3 แห่ง แม้จะมีปัญหาวิกฤตการเงิน จากประชากรน้อย เช่น รพ.บ้านโคก มีประชากรในความรับผิดชอบ 14,000 กว่าคน แต่ได้ปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน โดยจัดบริการเชิงรุกไปในพื้นที่ เนื่องจากสภาพภูมิศาสตร์ร้อยละ 90 เป็นภูเขา การเดินทางมารพ.ยากลำบาก และบริการที่ให้แก่ประชาชน จะทำให้ปริมาณคนป่วยที่มารับบริการในรพ.ลดลง ไม่สามารถเบิกค่าใช้จ่ายจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพ(สปสช.)ได้ แต่ก็มุ่งมั่นที่จะให้บริการเพื่อสุขภาพที่ดีของประชาชน ซึ่งสธ.ต้องเร่งแก้ไข

นพ.บัญชา ค้าของ ผู้อำนวยการกลุ่มประกันสุขภาพ กล่าวว่า สาเหตุที่ทั้ง 3 รพ.เกิดวิกฤตการเงินรุนแรงเรื้อรังซ้ำซาก สามารถเป็นตัวแทนของรพ.ส่วนใหญ่ที่ประสบปัญหาจำนวน 105 รพ.ในขณะนี้ กล่าวคือ ปัญหาประชากรน้อย โดยในรพ.บ้านโคกและรพ.ฟากท่า ซึ่งมีประชากรน้อยกว่า 2 หมื่นคน รายได้จากกองทุนที่จัดให้ในรพ.ชุมชนซึ่งให้บริการผู้ป่วยนอกเป็นหลักนั้น จัดสรรให้ตามหัวประชากรเมื่อหักต้นทุนประสิทธิภาพพบว่าไม่เพียงพอเป็นชั้นแรก รพ.ได้ปรับประสิทธิภาพไปมุ่งเน้นบริการส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรคมากขึ้น จนผู้ป่วยนอก และผู้ป่วยในน้อยอย่างเห็นได้ชัด แต่เหมือนถูกลงโทษเพราะทำให้ได้รับงบบริการตามผลงานผู้ป่วยนอกผู้ป่วยในน้อยลงอีกชั้นหนึ่ง ในขณะที่รพ.น้ำปาดเป็นรพ.ที่พัฒนาบริการอย่างมีประสิทธิภาพทุกดัชนี มีผลงานบริการสูงมากทั้งผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอก แต่งบหลักประกันสุขภาพกลับไม่เพียงพอ เข้าลักษณะให้บริการมากยิ่งขาดทุน ทั้งนี้ พบว่าทั้ง 3 รพ.มีมาตรการรัดเข็มขัดประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากเกินกำลังแล้ว

นพ.บัญชา กล่าวต่อว่า แนวทางแก้ไขที่สธ.เสนอการบริหารงบหลักประกันสุขภาพแห่งชาตินั้นมาถูกทาง เพราะสอดคล้องกับปัญหารพ.ที่มีวิกฤตในขณะนี้ โดยไม่ใช่การของบประมาณเพิ่ม แต่ต้องใช้จ่ายงบประมาณให้คุ้มค่าด้วยบริการที่ดีขึ้น โดยปรับการบริหารจัดการที่แทนจะแยกเป็น รพ.เดี่ยวๆ ให้ร่วมกันจัดแผนบริการประชาชนเบ็ดเสร็จเป็นเครือข่ายระดับเขต ซึ่งจะทำให้สามารถลดการต้นทุนจากการจัดบริการที่ซ้ำซ้อน ลดการแข่งแย่งเงินกันเองตามเกณฑ์ผลงานที่ สปสช.กำหนดโดยไม่ได้คำนึงถึงต้นทุน ต้องปฏิรูปจากกลไกการเงินนำบริการ ให้เป็นกลไกการเงินสนับสนุนบริการ ที่สอดคล้องกับบริบทของรพ.ในประเทศไทย ดังตัวอย่าง 3 รพ.ในจ.อุตรดิตถ์ที่ลงศึกษาในครั้งนี้