ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

เครือข่ายพลเมืองปฏิรูประบบสายด่วนฉุกเฉิน 112 เสนอ 112 ฉุกเฉินหมายเลขเดียวจบ ช่วยเหลือประชาชนภายใน 10 นาที นักวิชาการยืนยันพร้อมให้บริการสายด่วนฉุกเฉินได้ภายใน 8 เดือน หากชี้ชัดผู้รับผิดชอบชัดเจน ขณะที่ทั่วโลกทำไปเกือบหมดแล้ว

ในการสัมมนา "ปฏิรูปสายด่วนฉุกเฉิน 112" เมื่อวันที่ 30 มี.ค.58 นพ.ไพโรจน์ บุญศิริคำชัย รองเลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) กล่าวว่า เมื่อมีคนโทรมาที่สายด่วนฉุกเฉิน 112 จะปรากฏข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของหมายเลขโทรศัพท์นั้น พร้อมบอกพิกัดตำแหน่งที่อยู่ แต่หากไม่ใช่เจ้าของหมายเลขจะมีการสอบถามหมายเลขประจำตัวบัตรประชาชน ในกรณีเกิดหตุในต่างจังหวัดเมื่อมีคนโทรเข้ามาข้อมูลจะถูกบันทึกที่ส่วนกลางพร้อมกับโชว์ข้อมูลให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วย เพื่อไม่ให้เสียเวลาในการสอบถามข้อมูลใหม่

เมื่อมีคนโทรแจ้งเหตุเข้ามาที่สายด่วน 112 แล้วจะมีการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นๆ เช่น ตำรวจ โรงพยาบาล เพื่อเร่งเข้าช่วยเหลือผู้เดือดร้อนได้ทันท่วงทีตามมาตรฐานไม่เกิน 10 นาที แต่อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังไม่มีหน่วยงานรับผิดชอบเป็นหลัก แต่หากรัฐบาลมีการกำหนดชัดว่าให้ใครเป็นผู้ดูแลแล้วคาดว่าจะสามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จได้ภายใน 8 เดือน

ดร.สืบศักดิ์ สืบภักดี นักวิชาการด้านโทรคมนาคม กล่าวว่า ในวงการโทรคมนาคมได้มีสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU) เข้ามาดูแลและกำหนดให้สมาชิกต้องมีสายด่วนให้บริการประชาชน ซึ่งมีสองหมายเลขให้เลือกคือ 911 และ 112 เพื่อให้เกิดมาตรฐานเดียวกัน ซึ่งมีการนำไปปฏิบัติเกือบทั่วโลกแล้ว ซึ่ง ITU ได้บังคับให้ผู้ประกอบการโทรศัพท์ทำการรองรับหมายเลขดังกล่าว ขณะที่ในประเทศไทยก็สามารถใช้หมายเลข 112 ได้เช่นกัน แต่ด้วยยังไม่มีหน่วยงานรับผิดชอบ หากใครโทรไปที่หมายเลข 112 จะถูกโอนไปยังสายด่วน 191 ทันที

ร.ต.อ.สามารถ กาษร รอง สว. ชุดปฏิบัติการ กก.ศร.บก.สปพ. (191) กล่าวถึงปัญหาและข้อจำกัดในการทำงานว่า กฎหมายระบุชัดว่าตำรวจไม่สามารถทราบพิกัดของผู้ที่โทรเข้ามาร้องเรียนได้ อีกทั้งยังมีปัญหาการโทรก่อกวน ซึ่งเฉลี่ยผู้ที่โทรเข้ามาที่ 191 อยู่ที่กว่าหมื่นสาย เป็นสายก่อกวนประมาณ 80% แต่หากมีสายด่วนฉุกเฉิน 112 จะสามารถแก้ปัญหาก่อกวนได้อีกทั้งทำให้ทราบพิกัดของผู้เดือนร้อนและเข้าให้การช่วยเหลือได้โดยไว

ขณะที่ น.ส.บุญยืน ศิริธรรม ประธานสหพันธ์องค์กรผู้บริโภค กล่าวการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลว่า ไม่กลัวว่าจะรู้ข้อมูลส่วนบุคคล เพราะถ้าไม่เดือดร้อนเขาก็ไม่มาดูข้อมูลของเรา แต่ห่วงว่าจะนำระบบนี้ไปปฏิบัติให้เกิดขึ้นจริงในประเทศนี้ได้อย่างไร ในส่วนของผู้ดูแลระบบนั้นเสนอให้ สพฉ.รับไปดูแล เพราะพิจารณาจากผลงานสายด่วน 1669 ที่ทำหน้าที่ได้ดีอยู่แล้ว แต่อย่าลืมว่าต่อไปต้องดูแลทุกเรื่อง ไม่ใช่แค่เรื่องปัญหาสุขภาพอย่างเดียว