ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

สปสช.รุกพัฒนา “ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า” หนุน “สร้างความเข้มแข็งครอบครัวไทย” ผ่านสิทธิประโยชน์และการบริหารกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ มุ่งช่วยประชาชนเข้าถึงการรักษา  12 ปี ลดความยากจนระดับครัวเรือนจากภาระค่ารักษาพยาบาล ไม่ต้องกู้หนี้ยืมสินล้มละลายอย่างอดีต        

ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า วันที่ 14 เมษายน ของทุกปี ซึ่งอยู่ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ได้กำหนดให้เป็น “วันครอบครัว” เนื่องจากสถาบันครอบครัวนับเป็นรากฐานสำคัญที่ทำให้สังคมไทยมีความเข้มแข็ง โดยเฉพาะกับเด็กและเยาวชนซึ่งจะเติบโตเป็นอนาคตของชาติต่อไป ดังนั้นทุกหน่วยงานจึงมีบทบาทในการสนับสนุนและส่งเสริมเพื่อสร้างความมั่นคงให้กับครอบครัว รวมทั้งสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)  

ทั้งนี้เป็นที่ทราบกันดีว่าภาระค่ารักษาพยาบาลนอกจากเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการเข้าถึงการรักษาพยาบาลสำหรับผู้ป่วยแล้ว ยังเป็นภาระค่าใช้จ่ายที่ครอบครัวต้องแบกรับ ไม่แต่เฉพาะโรคค่าใช้จ่ายสูง เช่น โรคเอดส์ ไตวายเรื้อรัง มะเร็ง และโรคฮีโมฟีเลีย เป็นต้น แต่ยังรวมถึงโรคเรื้อรังที่ต้องได้รับการดูแลรักษาอย่างต่อเนื่อง อย่างเช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง เป็นต้น เหล่านี้เป็นสาเหตุที่ทำให้หลายครอบครัวมีปัญหาทางเศรษฐกิจและบางครอบครัวถึงกับประสบภาวะล้มละลายจากการรักษาพยาบาลที่กระทบต่อความมั่นคงของครอบครัวโดยตรง

ศ.นพ.รัชตะ กล่าวว่า ภายหลังการจัดตั้ง “กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ” เพื่อดำเนินนโยบายระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าส่งผลให้คนไทยทุกคนมมีระบบหลักประกันสุขภาพรองรับ สามารถเข้าถึงการรักษาได้อย่างทั่วถึง และที่สำคัญไม่ต้องกังวลค่ารักษาพยาบาลอย่างในอดีต ช่วยลดภาระค่ารักษาพยาบาลระดับครัวเรือนลงได้ ด้วยการบริหารสิทธิประโยชน์การรักษาพยาบาลผ่านกองทุนต่างๆ ในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ได้แก่ กองทุนยาและเวชภัณฑ์ กองทุนโรคไตวายเรื้อรัง กองทุนการดูแลผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ กองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพ และกองทุนฮีโมฟีเลีย เป็นต้น และจากการลดภาระค่ารักษาพยาบาลที่รัฐบาลได้สนับสนุนงบประมาณกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาตินี้ ทำให้แต่ละครอบครัวมีเงินเพียงพอที่จะนำไปพัฒนาคุณภาพชีวิตด้านอื่นๆ เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับครอบครัวเพิ่มขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นด้านการพัฒนาที่อยู่อาศัยและการส่งเสริมการศึกษาบุตรหลาน เป็นต้น

“12 ปีที่ผ่านมาของการดำเนินนโยบายระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า แม้ว่าจะมีภารกิจหลักชัดเจนเพื่อทำให้คนไทยเข้าถึงการบริการรักษาพยาบาลรวมถึงการดูแลสุขภาพอย่างทั่วถึงแล้ว ยังมีส่วนสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งให้กับครอบครัวด้วยการลดความยากจนจากภาระค่ารักษาพยาบาลอย่างเห็นได้ชัด ไม่ต้องกู้หนี้ยืมสินเพื่อนำมาจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้กับคนในครอบครัวจนอยู่นภาวะล้มละลายอย่างอดีต” ประธานบอร์ด สปสช. กล่าว   

ด้าน นพ.วินัย สวัสดิวร เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า ที่ผ่านมา สปสช.ได้เสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับครอบครัวผ่านนโยบายด้านสุขภาพมาอย่างต่อเนื่อง นอกจากด้านการรักษาพยาบาลแล้ว สปสช.ยังมีโครงการต่างๆ ที่ส่งเสริมความเข้มแข็งให้กับครอบครัว อาทิ โครงการพัฒนาศูนย์ต้นแบบดูแลเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ผู้พิการที่ดำเนินการภายใต้กองทุนหลักประกันสุขภาพระดับท้องถิ่น การสนับสนุนการรักษาผู้ติดยาเสพติดด้วยการบำบัดโดยใช้สารเมทาโดน การดูแลผู้ป่วยไตวายระยะสุดท้ายด้วยการล้างไตผ่านช่องท้องที่ทำให้ผู้ป่วยสามารถดำเนินชีวิตปกติได้ และการสนับสนุนการดูแลผู้สูงอายุระยะยาวที่มีภาวะพึ่งพิงเพื่อรองรับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุที่อยู่ระหว่างดำเนินการขณะนี้ เป็นต้น

“สปสช.ภูมิใจที่ได้เป็นหน่วยงานหนึ่งในการสนับสนุนสร้างความมั่นคงให้กับครอบครัวไทยอย่างต่อเนื่องในช่วง 12 ปีที่ผ่านมา จากการบริหารระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าเพื่อสร้างความอุ่นใจให้กับประชาชนกรณีเจ็บป่วย ซึ่งหลังจากนี้ สปสช.ยังคงเดินหน้าพัฒนาเพื่อเป็นหลักประกันด้านสุขภาพให้กับครอบครัวไทยต่อไป” เลขาธิการ สปสช. กล่าว