ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ชมรมสหวิชาชีพ สธ.มีมติร้องศาลปกครอง หลัง ก.พ.ยกเลิกคัดเลือกบรรจุ นวก.สธ.และ จพ.สธ.เปลี่ยนมาใช้สอบบรรจุเป็น ขรก.แทน ‘วัฒนะชัย’ เผย ศาลปกครองนัดหารือ ต้น มิ.ย.นี้ พร้อมนัดหมายขอความเป็นธรรม ผู้บริหาร สธ.และ ก.พ.17 มิ.ย.นี้

นายวัฒนะชัย นามตะ ประธานชมรมสหวิชาชีพกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงความคืบหน้าภายหลัง ก.พ. มีหนังสือยกเลิกการคัดเลือกบรรจุข้าราชการใน 2 สายงาน คือ นักวิชาการสาธารณสุข (นวก.สธ.) ปฏิบัติการ และเจ้าพนักงานสาธารณสุข (จพ.สธ.) ชุมชน  จากเดิมเป็นการคัดเลือกตามเกณฑ์ของสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สป.สธ.)  เปลี่ยนเป็นให้สอบคัดเลือกแทน ว่า จากการหารือกับผู้ปฏิบัติงานสหวิชาชีพมีมติว่า จะร้องต่อศาลปกครองกรณี ก.พ.ออกคำสั่งเรื่องยกเลิกการคัดเลือก 2 วิชาชีพดังกล่าว  ซึ่งล่าสุดศาลปกครองได้นัดหมายแกนนำเข้าไปหารือช่วงต้นเดือนมิถุนายนนี้ ขณะที่ทางชมรมฯ ได้พูดคุยกับทางผู้รับผลกระทบ เบื้องต้นจะเดินทางมาร้องขอความเป็นธรรมต่อผู้บริหาร สธ. ให้ช่วยเหลือ และจะเดินทางไปร้องต่อ ก.พ. เพื่อขอความเป็นธรรมเรื่องนี้ในวันที่ 17 มิถุนายนนี้ 

ด้าน นายธนะพัฒน์ ทักษิณทร์ ที่ปรึกษาเครือข่ายนักวิชาการสาธารณสุขสถาบันนอกสมทบ กล่าวว่า ในส่วนของนักวิชาการสาธารณสุข (นวก.สธ.) นอกสมทบที่เดิมจะได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการตามเกณฑ์เดิม มีจำนวน 205 คน ขณะที่ในสมทบจะได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการกว่า 500 คน โดยเดิมจะใช้วิธีการคัดเลือกแบบเรียงคิวตามอายุงาน ตามพื้นที่ และตามความจำเป็น แต่เมื่อ ก.พ.มีมติเช่นนี้ ทุกอย่างก็ต้องเปลี่ยนไป โดยทั้งหมดจะต้องมาสอบคัดเลือกตามเกณฑ์ ก.พ.แทน ซึ่งจริงๆ แล้ว ในส่วนของ นวก.สธ. นอกสมทบนั้น ได้มีการหารือกันได้ข้อสรุปว่า เห็นด้วยกับ ก.พ. เนื่องจาก หากใช้วิธีสอบคัดเลือกอาจมีโอกาสได้อัตราตำแหน่งมากกว่าเดิม เพราะทั้งหมดจะขึ้นอยู่กับการสอบรายบุคคล แต่หากใช้วิธีการพิจารณาตามเกณฑ์ สธ. ก็ถือว่าไม่มีปัญหา ซึ่งทางเครือข่ายฯ พร้อมรับทั้งหมด
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีจะมีการร้องศาลปกครองเพื่อให้คุ้มครองชั่วคราว ซึ่งจะทำให้การบรรจุอัตราข้าราชการจะต้องหยุดชั่วคราว นายธนะพัฒน์ กล่าวว่า เป็นเรื่องน่าห่วง ซึ่งทางเครือข่ายฯ เห็นว่ากลุ่มผู้ได้รับผลกระทบทั้งหมด ทั้ง นวก.สธ.ในสมทบ และนอกสมทบ รวมทั้ง จพ.สธ. ควรมาหารือร่วมกันก่อนว่า จะมีการเดินหน้าหรือเคลื่อนไหวเรื่องนี้อย่างไร แต่เมื่อทางกลุ่มหนึ่งต้องการร้องศาลปกครองก็ถือเป็นสิทธิที่พึงกระทำ ทางเครือข่ายฯ คงต้องรอการตัดสินใจของทางผู้บริหาร สธ.เกี่ยวกับทางออกเรื่องนี้