ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

กรมควบคุมโรค ชี้ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมทุกชนิด ไม่ใช่ยารักษาโรค ผู้ติดเชื้อเอชไอวี ไม่ควรหยุดกินยาต้านไวรัส ส่วนการใช้ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม นอกจากอาจมีปฏิกิริยากับยาต้านไวรัส ยังสามารถมีผลต่อการทำงานของตับและไต ซึ่งจะทำให้เกิดความยากลำบากในการดูแลรักษา เนื่องจากไม่ทราบว่าผลการตรวจที่ผิดปกติเหล่านี้เกิดจากเชื้อเอชไอวีเอง จากยาต้านไวรัส จากโรคแทรกซ้อน หรือจากผลิตภัณฑ์เหล่านี้ ซึ่งผลิตภัณฑ์อาหารเสริมทุกชนิด ไม่ใช่ยารักษาโรค ผู้ติดเชื้อไม่ควรหยุดกินยาต้านไวรัส และหากมีความจำเป็นต้องใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ ควรต้องได้รับคำแนะนำจากแพทย์ตามความเหมาะสม  

นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีผลิตภัณฑ์อาหารเสริมยี่ห้อหนึ่ง ซึ่งโฆษณาผ่านสื่อต่างๆ ว่าช่วยเพิ่มระดับเม็ดเลือดขาวเพื่อสร้างภูมิต้านทานต่อไวรัสเอชไอวีในผู้ติดเชื้อเอชไอวี นั้น กรมควบคุมโรค ขอให้ข้อมูลเกี่ยวกับการดูแลรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวีประเทศไทยดังนี้ ปัจจุบันผู้ติดเชื้อเอชไอวีทุกรายสามารถเข้าถึงบริการสาธารณสุขโดยการรับยาต้านไวรัสได้ทันที ในทุกระดับเม็ดเลือดขาว (CD4) การรักษาด้วยยาต้านไวรัสสำหรับผู้ติดเชื้อ จะทำให้ระดับเม็ดเลือดขาวเพิ่มขึ้นและไปยับยั้งการแบ่งตัวของเชื้อไวรัส 

ส่วนการใช้ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม นอกจากอาจมีปฏิกิริยากับยาต้านไวรัส ยังสามารถมีผลต่อการทำงานของตับและไต ซึ่งจะทำให้เกิดความยากลำบากในการดูแลรักษา เนื่องจากไม่ทราบว่าผลการตรวจที่ผิดปกติเหล่านี้เกิดจากเชื้อเอชไอวีเอง จากยาต้านไวรัส จากโรคแทรกซ้อน หรือจากผลิตภัณฑ์เหล่านี้ ซึ่งผลิตภัณฑ์อาหารเสริมทุกชนิด ไม่ใช่ยารักษาโรค ผู้ติดเชื้อไม่ควรหยุดกินยาต้านไวรัส และหากมีความจำเป็นต้องใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ ควรต้องได้รับคำแนะนำจากแพทย์ตามความเหมาะสม  

นพ.โสภณ กล่าวต่อว่า สำหรับการใช้ยาต้านเชื้อไวรัสเอชไอวี ซึ่งมีผลลดจำนวนเชื้อไวรัสให้น้อยลง พร้อมทั้งเพิ่มจำนวนเม็ดเลือดขาวเพิ่มมากขึ้น ทำให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายดีขึ้น โอกาสที่จะติดเชื้อโรคฉวยโอกาสก็จะลดลง และสามารถดำเนินชีวิตได้เป็นปกติ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันยังไม่มียาที่ทำให้หายขาด ผู้ติดเชื้อที่เริ่มกินยาจึงต้องกินยาติดต่อกันอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ เพื่อยับยั้งเชื้อ ควบคุมไม่ให้เชื้อเพิ่มจำนวนมากขึ้น และต้องกินยาตรงเวลาสม่ำเสมอทุกวัน มิฉะนั้นจะเกิดปัญหาการดื้อยาต้านไวรัส ซึ่งส่งผลให้ผู้ติดเชื้อจะต้องเปลี่ยนไปกินยาชนิดอื่นๆ โดยจะมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มสูงกว่ากันมาก ทั้งยังอาจมีอาการอันไม่พึงประสงค์ หรือผลข้างเคียงจากยาที่พบได้บ่อยกว่าหรือมีอาการข้างเคียงที่รุนแรงกว่าด้วย 

ก่อนเริ่มกินยาต้านเชื้อไวรัส ผู้ติดเชื้อควรได้มีความรู้และความเข้าใจเรื่องการกินยาต้านไวรัสอย่างชัดเจน เพื่อให้ยาได้ผลดี ประหยัด และปลอดภัยต่อผู้ติดเชื้อ ดังนี้ 1.การเริ่มกินยาต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด 2.ผู้ติดเชื้อเอชไอวีควรมีความรู้และความเข้าใจเรื่องการใช้ยาต้านไวรัสอย่างชัดเจน และมีความพร้อมปฏิบัติตามการกินยาอย่างถูกต้อง ตรงเวลา สม่ำเสมอ และต่อเนื่อง 3.ต้องกินยาอย่างน้อย 3 ชนิดร่วมกัน ตามคำแนะนำของแพทย์ และ 4.ผู้ติดเชื้อควรมีความรู้ถึงผลดีของการรักษา และผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ เพื่อเฝ้าระวัง สังเกต และดูแลตนเองขณะใช้ยา หรือไปพบแพทย์เมื่ออาการรุนแรงมากขึ้น  

“คำแนะนำในการปฏิบัติตัวของผู้ติดเชื้อ มีดังนี้ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่, รักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ, ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์, งดบริจาคเลือดหรืออวัยวะ และงดสิ่งเสพติดทุกชนิด หากมีข้อสงสัยประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักโรคเอดส์ วัณโรค และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กรมควบคุมโรค 0-2590-3211, 0-2590-3212 หรือสายด่วนกรมควบคุมโรค โทร 1422” นพ.โสภณ กล่าว