ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

‘หมอปิยะสกล’ ชี้ระบบป้องกันควบคุมโรคเป็นหัวใจการสาธารณสุข เผย พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อฉบับใหม่อยู่ระหว่างลงในราชกิจจาฯ คาดมีผลบังคับใช้ในปี 59 มอบกรมควบคุมโรคเตรียมรองรับเพื่อดำเนินการทันที เช่น ตั้ง คกก.ระดับชาติ ระดับจังหวัด สร้างความเข้มแข็งงานระบาดวิทยา เพิ่มการผลิตนักระบาดให้เพียงพอ และให้ก้าวหน้าในตำแหน่ง เฝ้าระวังป้องกันโรค ลดการสูญเสียชีวิตและเศรษฐกิจประเทศ            

วันนี้ (26 สิงหาคม 2558)  นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และคณะ ตรวจเยี่ยมกรมควบคุมโรค รับฟังผลการดำเนินงาน และมอบนโยบายแนวทางการทำงานให้เจ้าหน้าที่กรมและศูนย์ป้องกันควบคุมโรคในภูมิภาค 12 เขตทั่วประเทศว่า การป้องกันควบคุมโรคโรคถือเป็นหัวใจของระบบสุขภาพ ตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อให้เกิดสุขภาวะที่ดีต่อประชาชน ซึ่งการทำงานของกรมควบคุมโรคที่ผ่านมามีผลงานเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย โดยเฉพาะการป้องกันโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง ที่เป็นความภาคภูมิใจของประเทศไทยนั้น จำเป็นต้องพัฒนาให้มีความเข้มแข็งขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง

สำหรับ พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อฉบับใหม่ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างลงในราชกิจจานุเบกษา คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ภายใน 2559 ขอให้กรมควบคุมโรคเตรียมการรองรับ พ.ร.บ.ฉบับนี้ เพื่อดำเนินการได้ทันที เช่น การตั้งคณะกรรมการระดับชาติ ระดับจังหวัด ซึ่งกฎหมายฉบับนี้ จะเชื่อมประสานสอดคล้องกับกฎหมายนานาชาติและความร่วมมือรัฐเอกชนในประเทศ สามารถจัดการภัยสุขภาพได้ทันการณ์ พร้อมทั้งสร้างความเข้มแข็งงานด้านระบาดวิทยา เพิ่มประสิทธิภาพ ความเชื่อมั่นระบบการควบคุมป้องกันโรคของไทย จะเพิ่มการผลิตนักระบาดวิทยาให้มีอย่างเพียงพอ รวมทั้งให้มีความก้าวหน้าในตำแหน่ง เนื่องจากเป็นบุคลากรที่มีความสำคัญในการเฝ้าระวัง ค้นหาสาเหตุของปัญหาสุขภาพทั้งโรคติดต่อ อุบัติเหตุจราจร เพื่อนำมาสู่การจัดระบบป้องกัน ลดความสูญเสียจากการเจ็บป่วย และเศรษฐกิจประเทศได้เป็นอันมาก  

“ที่อยากเห็นคือ ทำอย่างไรให้ประชาชนมาช่วยกันคิด ช่วยกันทำและรักษาตนเองให้สุขภาพดี ไม่มีโรค นั่นคือการควบคุมโรคที่ดีที่สุด เพราะประชาชนเป็นเจ้าของสุขภาพ ซึ่งต้องอาศัยการบูรณาการประสานสร้างเครือข่ายหน่วยงานอื่นๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่าในช่วงนี้เป็นช่วงที่ดีที่สุดในการบูรณาการร่วมกับทุกกระทรวง เพื่อให้เกิดผล และภาคเอกชนมีการตื่นตัวในเรื่องของสุขภาพมากขึ้น มั่นใจว่าปัญหาสุขภาพประชาชนจะได้รับความร่วมมือในการแก้ไขและป้องกันดีขึ้น” นพ.ปิยะสกล กล่าว