ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

เครือข่ายหมออนามัย ชงข้อเสนอ สปสช.ขอแยกงบส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคออกจาก รพช. โอนลงพื้นที่ตั้ง “กองทุนส่งเสริมสุขภาพระดับอำเภอ” บริหารรูปแบบ คกก. กระจายงบให้ รพ.สต.รุกงาน หลังโอนผ่าน CUP งบไม่ถึง รพ.สต. แถมค้างท่อมาก ชี้ เลขาธิการ สปสช.คนใหม่ ต้องผลักดันงานสุขภาพชุมชนต่อ เน้นให้ความสำคัญงานปฐมภูมิ 

นายธาดา วรรธนปิยกุล

นายธาดา วรรธนปิยกุล ประธานมูลนิธิเครือข่ายหมออนามัย กล่าวว่า เครือข่ายหมออนามัยได้มีข้อเสนองานส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคไปยังกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เพื่อขอให้ปรับเปลี่ยนวิธีโอนงบประมาณส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค จากเดิมที่ต้องโอนผ่านโรงพยาบาลชุมชน (รพช.) ไปยังโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ในรูปแบบการบริหารระดับพื้นที่ หรือที่เรียกว่า CUP ให้มีการแยกงบประมาณส่วนนี้ออกมา และจัดตั้งเป็นกองทุนส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคในระดับพื้นที่แทน โดยมีการตั้งคณะกรรมการระดับพื้นที่เพื่อบริหาร ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความคล่องตัวการดำเนินงานสุขภาพของ รพ.สต.ยิ่งขึ้น   

ทั้งนี้ สาเหตุที่มาของข้อเสนอนี้ เนื่องจากที่ผ่านมา รพ.สต.ส่วนใหญ่ต่างประสบปัญหาการเบิกจ่ายงบส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคอย่างมาก เพราะต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของ รพช. ซึ่งบางแห่งไม่เข้าใจงานด้านส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคเพียงพอ ทำให้งบนี้ไม่ถูกกระจายลงไปสู่ตำบลและหมู่บ้าน จึงทำปัญหางบค้างท่อ และทำให้การดำเนินงานของ รพ.สต.ติดขัด ซึ่งจากการประชุมเครือข่ายหมออนามัยที่ผ่านมาต่างประสบปัญหาตรงกัน

“ข้อเสนอนี้เราได้นำเสนอต่อ สธ. และ สปสช.ไปแล้ว แต่ที่ผ่านมากลไกขับเคลื่อนระหว่าง สปสช.และ สธ.ยังช้าเกินไป ทั้งเป็นแนวทางที่จะตอบโจทย์งานปฐมภูมิได้ ที่นำไปสู่การลดจำนวนผู้ป่วยในโรงพยาบาล ซึ่งการแยกงบส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคออกจาก รพช. ยืนยันว่าไม่กระทบงานรักษาของ รพช. เนื่องจากเป็นงบที่ถูกกำหนดชัดเจนอยู่แล้วในระบบ เพียงที่ผ่านมาแต่การโอนงบนี้ไปยัง รพ.สต. เพื่อให้ถึงมือประชาชนต้องผ่าน รพช.ก่อน แต่ข้อเสนอนี้เพียงแต่เป็นการตัดขั้นตอนผ่าน รพช.ออกไปเท่านั้น” ประธานมูลนิธิเครือข่ายหมออนามัย กล่าว

นายธาดา กล่าวว่า ส่วนการดำเนินงานส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคของ สปสช. นั้น ที่ผ่านมา สปสช.ให้ความสำคัญในระดับหนึ่ง เพียงแต่ต้องเข้าใจว่าการดำเนินงานนี้ได้ ต้องมีทรัพยากรทั้งคน เงิน ของ โดยเฉพาะเงินที่เป็นปัญหามาก ซึ่งขณะนี้เป็นช่วงการสรรหาเลขาธิการ สปสช.คนใหม่ ในความเห็นคงไม่ระบุว่าผู้สมัครคนใดเหมาะสมควรมานั่งในตำแหน่งนี้ เพียงแต่ในงานส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค ที่เป็นงานปฐมภูมิ อยากให้เลือกคนที่มีประสบการณ์ผ่านการทำงานชุมชนมาก่อนซึ่งจะเข้าใจระบบและปัญหา เพราะหากเป็นผู้ที่เติบโตจากสายวิชาการ ไม่เคยผ่านงานชุมชนมาก่อนก็อาจไม่เข้าใจงานปฐมภูมิที่แท้จริง และอาจส่งผลให้การแก้โจทย์งานส่งเสริมสุขภาพไม่ตรงจุด 

นายปรเมษฐ์ จินา

นายปรเมษฐ์ จินา ประธานชมรมสาธารณสุขแห่งประเทศไทย กล่าวว่า งานส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค คงต้องมีการทบทวนกฎหมายและระเบียบที่ไม่เอื้อต่อการทำงานมากขึ้น อีกทั้งนโยบายจะต้องหันมาให้ความสำคัญด้านงานส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคเพิ่มขึ้นรวมถึงงบประมาณ ซึ่งที่ผ่านมาการให้ความสำคัญเรื่องนี้ของ ยังเป็นเพียงแค่วลีเท่านั้น เพราะเมื่อดูคนเงินของจะพบว่ายังไม่ให้ความสำคัญเท่าที่ควร ดังนั้นอาจต้องเปลี่ยนจากคำพูดมาเป็นการกระทำมากขึ้น เพื่อให้มีงบประมาณทำงานเป็นก้อน ไม่ใช่งบประมาณที่ลงไปแบบสะเปะสะปะอย่างขณะนี้

ส่วนการสรรหาเลขาธิการ สปสช. นายปรเมษฐ์ กล่าวว่า เป็นตำแหน่งที่มีความสำคัญ เพราะเป็นผู้คุมการบริหารระบบ ซึ่งควรหาผู้ที่ทำงานร่วมกับภาคีเครือข่ายต่างๆ ได้ และต้องเป็นผู้ที่บริหารจัดการเป็น มีประสบการณ์และใจกว้างรับฟังความเห็นเพื่อให้เกิดการทำงานร่วมกัน