ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ทันหุ้น - กลุ่มโรงพยาบาลพื้นฐานแกร่ง ไร้ผลกระทบอังกฤษถอนตัวยูโรโซน แถมเข้าช่วงไฮซีซัน หนุนยอดผู้ใช้บริการกระฉูด โบรกเกอร์ชู รพ.วิภาวดี, บางกอก เชน ฮอสปิทอล และ รพ.มหาชัย เด่นน่าสะสม เคาะเป้าหมาย 3.70 บาท, 12.20 บาท, 9.20 บาท, 327 บาท ตามลำดับ ฟากบอสใหญ่ "อังกูร ฉันทนาวานิช" ส่งซิกครึ่งหลังฟอร์มเจิดจรัส รับดีมานด์ทะลักอื้อซ่า ส่วนดีลซื้อกิจการโรงพยาบาลเดชา รู้ผลกรกฎาคมนี้

นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ฝ่ายวิเคราะห์ยังมีมุมมองเป็นบวกต่อหุ้นใน "กลุ่มโรงพยาบาล" เนื่องจากมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และรายได้เกือบทั้งหมดมาจากการดำเนินธุรกิจในประเทศ จึงทำให้ไม่ได้รับผลกระทบจากประเด็นที่กรณีอังกฤษอาจจะถอนตัวออกจากกลุ่มยุโรป

กลุ่ม รพ.พื้นฐานแกร่ง

นอกจากนี้โดยปกติแล้วในช่วงไตรมาส 3 และ 4 ของทุกปีนั้นยังเป็นช่วงไฮซีซันของกลุ่มโรงพยาบาล ซึ่งส่งผลให้มียอดขายผู้ใช้บริการขยายตัวค่อนข้างมาก และน่าจะช่วยสนับสนุนให้ภาพรวมธุรกิจปี 2559 เติบโตต่อเนื่อง

สำหรับหุ้นในกลุ่มดังกล่าว ได้แก่ บริษัท โรงพยาบาลวิภาวดี จำกัด (มหาชน) หรือ VIBHA บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH บริษัท โรงพยาบาล ลาดพร้าว จำกัด (มหาชน) หรือ LPH และบริษัท โรงพยาบาลมหาชัย จำกัด (มหาชน) หรือ M-CHAI

ทั้งนี้ ฝ่ายวิเคราะห์ประเมินราคาหุ้นเป้าหมายหุ้น VIBHA ไว้ระดับ 3.70 บาท ขณะที่ BCH ให้ราคาเป้าหมาย 12.20 บาท เนื่องจากมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ประกอบกับยังได้ผลบวกจากการเข้าสู่ไฮซีซันของธุรกิจโรงพยาบาล (รพ.) ในช่วงไตรมาส 3-4 ปีนี้ ซึ่งช่วยสนับสนุนให้ยอดผู้ใช้บริการขยายตัว จึงให้คำแนะนำลงทุน

เชียร์ "ซื้อ" รพ.ลาดพร้าว

ขณะที่นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในแง่ของหุ้น LPH นั้นฝ่ายวิเคราะห์ยังให้คำแนะนำ "ซื้อ" โดยมีราคาเป้าหมายที่ 9.20 บาท หลังผลงานในไตรมาส 1/2559 เติบโตอย่างชัดเจน ทำให้ฝ่ายวิเคราะห์ได้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิของ LPH อีก 6-7% โดยในปี 2559 จะมีกำไรสุทธิใหม่อยู่ที่ระดับ 169 ล้านบาท จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ 158 ล้านบาท หรือเติบโต 68% จากปีก่อน

พร้อมกันนี้ยังได้ปรับเพิ่มกำไรสุทธิในปี 2560 เป็น 198 ล้านบาท จากเดิมที่คาดไว้มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 186 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทมีภาระดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลง และมีปัจจัยกระตุ้นระยะสั้น จากการขยายศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ การเติบโตของศูนย์ประกันสังคม และส่วนแบ่งกำไรจาก AMARC เพิ่มเติม

ด้านบทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด แนะนำ "ซื้อ" หุ้น M-CHAI ให้ราคาเป้าหมาย 327.00 บาท เนื่องจากโรงพยาบาลมหาชัย และบริษัทในกลุ่มเป็นผู้นำตลาดในธุรกิจโรงพยาบาลที่ครอบคลุมเขตกรุงเทพฯ ใต้ ช่วงหนองแขม พุทธมณฑล เชื่อมมาถนนพระราม 2 และจังหวัดต่างๆ คือ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม ราชบุรี นครปฐม เพชรบุรี และ ประจวบคีรีขันธ์นั้นมีผลงานดีต่อเนื่อง หลังปี 2558 กำไรเติบโต 42% จากปี 2557

รพ.มหาชัยโลเกชั่นดี

ขณะเดียวกันโรงพยาบาลมหาชัย ยังมีทำเลที่ตั้งที่ดีครอบคลุมพื้นที่การให้บริการทางการแพทย์ทางกรุงเทพฯใต้ ซึ่งเป็นเขตอุตสาหกรรม โรงงาน การเกษตร-ประมง และมีสถานประกอบการต่างๆ เป็นจำนวนมาก ซึ่งมีความสามารถในการรักษาพยาบาล บุคลากรและเครื่องมือแพทย์ที่สมบูรณ์ทันสมัย มีการลงทุนด้านเครื่องมืออย่างต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับคู่แข่งในบริเวณเดียวกัน และนอกเหนือเน้นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายระดับกลาง-บนแล้ว ทาง M-CHAI ยังมีบริการให้ประกันสังคมสำหรับลูกค้าระดับล่างด้วย ส่วนภาพลักษณ์ภายใต้ชื่อ "โรงพยาบาลมหาชัย" ก็มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับและเชื่อถือ จึงเป็นจุดเด่นให้มีผู้เลือกมาใช้บริการเป็นจำนวนมาก

ดังนั้นจากประเด็นดังกล่าว ประกอบกับบริษัทยังได้ปัจจัยบวกจากการที่บริษัทถือหุ้นใน โรงพยาบาลเจ้าพระยา เพิ่มเติม จากเดิมที่ถือในสัดส่วน 19.38% มาเป็น 22.97% ซึ่งทำให้สถานะในการถือหุ้นในโรงพยาบาลแห่งนี้ จากเดิมที่เป็นบริษัทอื่น เป็นบริษัทร่วม และยังช่วยสนับสนุนให้มีการรับรู้กำไรตามส่วนได้เสีย (Equity Method) เข้ามาเพิ่ม ทำให้ฝ่ายวิเคราะห์คาดว่ากำไรสุทธิปี 2559 เติบโต 20% เมื่อเทียบกับปี 2558 ที่ประมาณ 167.60 ล้านบาท

รพ.ลาดพร้าว ครึ่งหลังแจ่ม

นายอังกูร ฉันทนาวานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงพยาบาลลาดพร้าว จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทคาดแนวโน้มผลงานครึ่งหลังปี 2559 เติบโตเมื่อเทียบกับช่วงครึ่งแรกปีนี้ เพราะเป็นช่วงไฮซีซันของธุรกิจ จึงน่าจะได้เห็นปริมาณผู้เข้ามาใช้บริการของธุรกิจขยายตัวอย่างชัดเจน

อย่างไรก็ดี ในปี 2559 บริษัทประเมินรายได้เติบโตตามเป้าที่ตั้งไว้เพิ่มขึ้น 15% จากปีก่อนที่ 1.24 พันล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่ยังคงเติบโตจากการเปิดศูนย์แพทย์เฉพาะทางด้านต่างๆ เพิ่มขึ้น และจากการที่ได้รับสิทธิเพิ่มโควตาผู้ประกันตนในประกันสังคมให้อีก 10,000 คน หรือเพิ่มขึ้น 10% ซึ่งส่งผลทำให้ทั้งปีบริษัทจะมีโควตาผู้ป่วยประกันสังคมอยู่ที่ 160,000 คน จากปัจจุบันอยู่ที่ 149,500 คน

ส่วนประเด็นการเข้าซื้อโรงพยาบาลเดชา บริเวณพญาไท นั้นปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษารายละเอียดในส่วนต่างๆ ซึ่งคาดใช้เงินลงทุนอยู่ราว 500-700 ล้านบาท และน่าจะได้เห็นผลการศึกษาที่ชัดเจนช่วงกลางกรกฎาคมนี้ โดยแหล่งเงินทุนคงมาจากเงินที่ได้จากการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยช่วงที่ผ่านมา และอาจมีการระดมทุนผ่านทางบุคลากรทางการแพทย์เข้ามาเพิ่มเติม รวมทั้งแหล่งเงินกู้จากสถาบันการเงินต่างๆ ซึ่งหากทุกอย่างเป็นตามที่วางไว้เชื่อจะทำให้ศักยภาพการดำเนินธุรกิจของบริษัทปรับตัวดีขึ้น เพราะปัจจุบันโรงพยาบาลดังกล่าวมีโควตาสิทธิ์ผู้ใช้บริการประกันสังคมอยู่สูงถึง 50,000 คน

ที่มา: หนังสือพิมพ์ทันหุ้น วันที่ 24 มิถุนายน 2559