ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

เว็บไซต์เทเลกราฟของอังกฤษนำเสนอเรื่องของการพัฒนารูปแบบการให้บริการผู้ป่วยโดยอาศัยเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างสมาร์ทโฟนเข้ามาช่วยในการวินิจฉัยโรค โดยนายเจเรมี ฮันท์ รมว.สาธารณสุขอังกฤษกล่าวว่า ผู้ป่วยที่ใช้บริการระบบบริการสุขภาพแห่งชาติ (NHS) จะได้รับการตรวจวินิจฉัยโรคด้วยสมาร์ทโฟนอันเป็นส่วนหนึ่งของแผนปรับปรุงบริการให้ทันสมัยและแก้ไขความบกพร่องในการให้บริการ โดยผู้ใช้บริการสามารถแจ้งอาการป่วยผ่านสมาร์ทโฟนไปยังหมายเลขโทรศัพท์ 111 เพื่อรับคำแนะนำเฉพาะหน้าหรือการติดต่อกลับจากเจ้าหน้าที่คลินิกภายในสิ้นปีหน้า

เทเลกราฟเผยอีกว่า เว็บไซต์ของ NHS จะทำหน้าที่เป็นสื่อกลางให้ประชาชนสามารถขึ้นทะเบียนกับแพทย์เวชปฏิบัติทั่วไป นัดหมายกับแพทย์ สั่งยา และดาวน์โหลดเวชระเบียนของตนเอง           

นอกจากนี้ยังสามารถตรวจสอบคุณภาพสถานพยาบาลที่ตนขอรับบริการจากตารางคะแนนบนเว็บไซต์ ดังที่ได้เริ่มรายงานไปบ้างแล้วในด้านโรคเบาหวาน สมองเสื่อม และภาวะบกพร่องด้านการเรียนรู้ และจะขยายครอบคลุมการรักษาโรคมะเร็ง รวมถึงบริการสุขภาพสำหรับแม่และเด็กในปลายปีนี้

เจเรมี ฮันท์ รมว.สาธารณสุขอังกฤษ

รมว.สาธารณสุขอังกฤษย้ำว่า ความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีดิจิตอลนับเป็นกุญแจสำคัญที่จะปรับปรุงคุณภาพบริการสาธารณสุขให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้ป่วยทั้งในปัจจุบันและอนาคต โดยรัฐบาลต้องการให้ NHS ใช้ประโยชน์จากสมาร์ทโฟนเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ป่วยทั้งในแง่การรับบริการและเข้าถึงข้อมูลที่จำเป็น รวมถึงขยายการให้บริการบนเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ซึ่งจำเป็นที่ NHS จะต้องปฏิรูปเพื่อให้พร้อมสำหรับการให้บริการผ่านสมาร์ทโฟน

ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ ระบบบริการสุขภาพแห่งชาติของอังกฤษหรือ NHS ต้องประสบปัญหาหลายประการจากทั้งปัญหาการเงินและการให้บริการสาธารณสุขแก่ประชาชน อาทิเช่น

มีตัวเลขขาดดุลสะสมของ NHS Trust ในประเทศอังกฤษระหว่างเดือนเมษายน-มิถุนายน 2558 ถึง 930 ล้านปอนด์ NHS Trust ด้านสุขภาพจิต 31 องค์กรประสบปัญหาขาดดุลงบประมาณ เช่นเดียวกับ NHS Trust ด้านแพทย์เฉพาะทาง 10 องค์กร เวชศาสตร์ชุมชน 9 องค์กร และบริการรถพยาบาล 8 องค์กร

จำนวนผู้ป่วยของโรงพยาบาลในเครือเอ็นเอชเอสเฟาเดชันทรัสต์ (NHS Foundation Trusts) ที่ต้องรอนานกว่า 6 สัปดาห์จึงจะได้รับการตรวจวินิจฉัยเพิ่มขึ้นเป็น 10,800 ราย ซึ่งสูงขึ้นเกือบครึ่ง (ร้อยละ 42) จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

จำนวนทรัสต์ที่ไม่สามารถส่งต่อผู้ป่วยมะเร็งภายในเป้า 62 วันสูงขึ้นกว่าครึ่ง (ร้อยละ 56) จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ผู้ป่วย 29,000 รายในโรงพยาบาลสังกัด Foundation Trusts ต้องรออยู่บนรถเข็นนาน 4 ชั่วโมง กว่าที่จะได้รับการนำส่งหอผู้ป่วย ซึ่งสูงขึ้นกว่า 1 ใน 3 (ร้อยละ 35) จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน

แรงกดดันที่โถมเข้าใส่ NHS นำไปสู่ความพยายามที่จะปิดหรือควบรวมบริการไว้ด้วยกันท่ามกลางแนวโน้มที่สูงขึ้นของอุบัติเหตุ นอกจากจะทำให้การบริการของแผนกอุบัติเหตุและฉุกเฉินไม่บรรลุตามเป้าประสงค์แล้วยังทำให้ระยะการรอพบแพทย์ยิ่งนานออกไปอีก

ด้วยเหตุนี้จึงมองกันว่าการปรับปรุงบริการสำหรับการเจ็บป่วยที่ไม่รุนแรงและการแก้ไขโดยฉับพลันจะช่วยลดภาระในส่วนงานบริการฉุกเฉินได้ ดังที่ข้อมูลการศึกษาวิจัยโดยมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ชี้ว่า พื้นที่ที่ขยายการบริการของแพทย์ทั่วไปในช่วงหัวค่ำและสุดสัปดาห์มีอัตราการรักษายังแผนกอุบัติเหตุและฉุกเฉินเนื่องจากการบาดเจ็บเล็กน้อยลดลง ร้อยละ 26  แต่ก็ชี้ด้วยว่ามาตรการดังกล่าวสามารถประหยัดงบประมาณได้เพียง 1 ใน 4 เท่านั้น    

นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุขอังกฤษยังมีแผนจัดสรรงบประมาณกว่า 10 ล้านปอนด์สำหรับ NHS Trust 12 องค์กรเพื่อปรับปรุงการใช้เทคโนโลยี รวมถึงการจัดทำ “คลัง” แอพและอุปกรณ์ชนิดสวมใส่เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนและเจ้าหน้าที่สาธารณสุขนำอุปกรณ์มาใช้สำหรับการตรวจติดตามและฟื้นฟูสุขภาพ 

แม้ที่ผ่านมา NHS จะมีประวัติด้านเทคโนโลยีที่ไม่ดีนัก เห็นได้จากงบประมาณโครงการไอทีซึ่งบานปลายกว่า 12,000 ล้านปอนด์ เช่นเดียวกับแผนจัดตั้งฐานข้อมูลเวชระเบียนกลางท่ามกลางความกังวลว่าผู้ป่วยอาจยังไม่เข้าใจถึงสิทธิของตนอย่างถ่องแท้ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องพยายามมองหาโครงการใหม่เพื่อที่จะแบ่งปันเวชระเบียนโดยที่ยังสามารถปกป้องสิทธิของผู้ป่วยตามกระบวนการที่เหมาะสมได้

ทว่ายังไม่ทันที่จะเริ่มดำเนินการปฏิรูปเทคโนโลยีอย่างเป็นรูปธรรม NHS กลับต้องเผชิญกับความบกพร่องอันเป็นผลจากความประมาทในหลายต่อหลายครั้ง ล่าสุดเอ็นเอชเอสดิจิตอล (NHS Digital) ซึ่งรับผิดชอบการแบ่งปันเวชระเบียนได้ออกมายอมรับข้อบกพร่องเกี่ยวกับกำหนดเวลาการปฏิรูปที่เผยแพร่ไปก่อนหน้านี้ พร้อมกับยืนยันว่าแผนปฏิรูปจะยังไม่สมบูรณ์จนกว่าจะได้รับฉันทานุมัติจากสำนักงานพิทักษ์ข้อมูลแห่งชาติ (National Data Guardian) ซึ่งคอยทำหน้าที่พิทักษ์สิทธิผู้ป่วย

อีกทั้ง ยังมีการพยากรณ์ว่าตัวเลขงบประมาณขาดดุลด้านสาธารณสุขภายในปี 2563 มีสูงถึง 30,000 ล้านปอนด์ งบสมทบเพื่ออุดช่องโหว่ของงบประมาณ 10,000 ล้านปอนด์ ซึ่ง 6,000 ล้านปอนด์จากตัวเลขดังกล่าวจะเบิกจ่ายในปีนี้โดยเน้นที่งานบริการด้านสุขภาพจิต นอกจากนี้ ผู้บริหารสาธารณสุขจะต้องลดรายจ่ายให้ได้ตามเป้าหรือมากกว่า 22,000 ล้านปอนด์ ภายในปี 2563 และมีเป้าลดรายจ่ายที่เจ้าหน้าที่ NHS คาดการณ์ไว้ภายในปี 2563 เท่ากับ15,000 ล้านปอนด์เลยทีเดียว

เรียบเรียงจาก เว็บไซต์เทเลกราฟ : Diagnosis by smartphone for NHS patients to reduce pressure on health services

แปลและเรียบเรียงโดย: ภัทรภร นิภาพร pingni1997@gmail.com