ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ภาค ปชช.เผย เร็วๆ นี้จะมีคำสั่งเด้งฟ้าผ่า“หมอสมาน” พ้นจาก ผอ.สนง.คกก.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หลังธุรกิจน้ำเมายักษ์ใหญ่เข้าแทรกแซง อ้างไม่เอื้อต่อการทำมาค้าขาย ขัดขวางการขยายตัวด้านเศรษฐกิจ ยืนยันเครือข่ายภาคประชาชนขอคัดค้านเรื่องนี้จนถึงที่สุด

นายชูวิทย์ จันทรส

นายชูวิทย์ จันทรส เลขานุการเครือข่ายรณรงค์ป้องกันภัยแอลกอฮอล์ (ครปอ.) เปิดเผยว่า ทราบมาว่ามีการส่งต่อข้อความในกลุ่มไลน์รวมถึงมีการพูดคุยกันชัดเจนในงานสัมมนาเครือข่ายผู้ประกอบการธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ว่าในเร็วๆ นี้จะมีคำสั่งฟ้าผ่า ย้าย นพ.สมาน ฟูตระกูล ผอ.สำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ออกจากตำแหน่ง โดยงานนี้มีธุรกิจน้ำเมายักษ์ใหญ่ค่ายหนึ่งอยู่เบื้องหลังคำสั่งย้าย และอยู่เบื้องหลังในการจัดตั้งเครือข่ายผู้ประกอบการฯดังกล่าว เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการตอบโต้กับฝ่ายที่ต้องการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์    

นพ.สมาน ฟูตระกูล

“สาเหตุที่มีการสั่งย้าย เนื่องจากเขาระบุว่า นพ.สมานไม่เอื้อต่อการทำมาค้าขาย ขัดขวางการขยายตัวด้านเศรษฐกิจ ซึ่งจะมีคำสั่งย้ายแน่นอน อย่างไรก็ตาม เครือข่ายภาคประชาชนขอคัดค้านเรื่องนี้จนถึงที่สุด และในเร็วๆ นี้จะเคลื่อนไหวเพื่อปกป้องข้าราชการคนทำงาน ไม่ให้ถูกรังแก รวมถึงจะขอเข้าพบอธิบดีกรมควบคุมโรค และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพื่อสอบถามถึงข้อเท็จจริงดังกล่าว เพราะหากธุรกิจน้ำเมาเข้ามามีอิทธิพลต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐที่ทำตามกฎหมาย แสดงมีผู้ที่วางตนเหนือกฎหมายอยู่ในประเทศนี้ มีอยู่จริง ตามที่มีหลายฝ่ายกังขา ดังนั้น สธ.ต้องชี้แจงเรื่องนี้ให้ชัดเจน” นายชูวิทย์  กล่าว

นายชูวิทย์ กล่าวว่า ไม่ว่าข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไร เราจะขอปกป้องคนทำงานเพื่อลดปัญหาสังคม ลดการบาดเจ็บล้มตาย อีกทั้งงานบังคับใช้กฎหมายตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ มีคดีสำคัญอยู่ในชั้นศาล ถ้าเปลี่ยน ผอ. จะทำให้การต่อสู้คดีไม่เป็นผลดีต่อราชการและการปกป้องสังคม โดยเฉพาะคดีที่ธุรกิจน้ำเมาหลีกเลี่ยงกฎหมายควบคุมการโฆษณา ใช้โลโก้น้ำเม ไปใช้กับน้ำดื่ม และเครื่องดื่มอื่นๆ เพื่อเป็นช่องทางในการโฆษณาแฝง จึงต้องการกำจัด นพ.สมานที่ต่อสู้เรื่องนี้อย่างจริงจัง

และขอตั้งข้อสังเกตว่า ปัจจุบันกลุ่มธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีความใกล้ชิดกับภาครัฐอย่างมาก ตั้งแต่ระดับล่างจนถึงระดับบริหารประเทศ นี่คือหนึ่งตัวอย่างที่เครือข่ายฯ เป็นห่วงและกังวลมานาน หลังจากความแนบแน่นในสายสัมพันธ์มีมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่นับรวมการบังคับใช้กฎหมายที่แทบจะพบเห็นได้น้อยมาก ในพื้นที่ กทม.ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีข่าวผู้นำระดับสูงรับเงินที่ปรึกษาจากธุรกิจน้ำเมา ทั้งนี้ในสัปดาห์หน้าเครือข่ายที่ทำงานภาคประชาสังคม จะมีการประชุมเพื่อหารือการเคลื่อนไหวในประเด็นนี้