ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

“หมอธีระ” ตีแผ่ “ยาโฮมีโอพาธีย์ยูพาโทเรียมฯ” ป้องกันโรคไข้เลือดออก หลัง “กรมการแพทย์แผนไทยฯ” ออกข่าวประชาสัมพันธ์พร้อมแจกฟรี ระบุผลการรักษาเป็นเพียงการวิเคราะห์ไม่ผ่านกระบวนการวิจัยมาตรฐาน ขาดน้ำหนักยันประสิทธิผลเพียงพอ หวั่นทำประชาชนละเลยมาตรการเดิม สร้างผลกระทบวงกว้าง ระบุ สธ.ออกคำแนะนำควบคู่ช่วยลดความเสี่ยง

ผศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์

จากกรณีที่กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข ได้ประชาสัมพันธ์แนะนำยาโฮมีโอพาธีย์ยูพาโทเรียม เพอร์ฟอเลียทุม 200C สารสกัดจากสมุนไพร ให้ประชาชนเพื่อป้องกันโรคไข้เลือดออกนั้น 

ผศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ ภาควิชาเวชศาสตร์ป้องกันและสังคม คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า โฮมีโอพาธีย์ เป็นศาสตร์การแพทย์ทางเลือกที่มีมานานแล้ว มีการใช้ทั้งในประเทศจีน อินเดีย และยุโรป มีความแตกต่างจากแพทย์แผนปัจจุบัน โดยโฮมีโอพาธีย์มีการศึกษาวิจัยกันตั้งแต่ในปี 2533 แต่สุดท้ายยังไม่มีงานวิจัยใดพิสูจน์ได้ว่า สามารถใช้ในการรักษาและป้องกันได้จริง กรณีที่กรมการแพทย์แผนไทยฯ ประชาสัมพันธ์และเชิญชวนให้ประชาชนใช้ยาโฮมีโอพาธีย์ยูพาโทเรียมฯ มองว่าเป็นสิ่งที่น่ากังวล เนื่องจากประสิทธิผลการป้องกันไข้เลือดออกที่ระบุถึง 89.9% เป็นเพียงผลที่ได้จากการวิเคราะห์เปรียบเทียบข้อมูลการศึกษาในชุมชน ไม่ได้เป็นผลจากการวิจัยตามมาตรฐาน

ทั้งนี้การรักษาหรือป้องกันไม่ว่าจะเป็นยาหรือวัคซีน หากจะแนะนำให้ประชาชนใช้ ต้องผ่านการวิจัยตามมาตรฐานด้านการแพทย์ เช่น วัคซีนป้องกันโรคต่างๆ กว่าที่จะนำมาใช้ได้ ต้องผ่านกระบวนการวิจัยทั้งในหลอดทดลอง สัตว์ทดลอง และวิจัยคลินิกในคนเพื่อเปรียบเทียบประสิทธิผล เพื่อวัดประสิทธิผลการป้องกันที่ชัดเจน ไม่ใช่เพียงทำโดยการเปรียบเทียบผลการใช้ระหว่างชุมชนแล้วนำมาอ้างถึงอย่างมีสำคัญ ถือเป็นความคาดเคลื่อนและไม่เหมาะสม

ผศ.นพ.ธีระ กล่าวว่า สิ่งที่ทำให้กังวลยิ่งขึ้น เมื่อเรื่องนี้ถูกนำมาประกาศเป็นนโยบายโดยหน่วยงานด้านสุขภาพของภาครัฐ คือ กรมการแพทย์แผนไทยฯ เนื่องจากจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนเป็นวงกว้างได้ โดยในข่าวระบุว่ายานี้จะให้ผลการป้องกันนานถึง 3-4 เดือน ซึ่งอาจทำให้ประชาชนเกิดความประมาท ละเลยมาตรการต่างๆ ที่ผ่านมาเพื่อป้องกัน อาทิ การคว่ำภาชนะ การนอนกางมุ้ง และการใส่ทรายอะเบท เป็นต้น จนเกิดความเสี่ยงต่อไข้เลือดออกเพิ่มขึ้น ซึ่งในฐานะหน่วยงานด้านสุขภาพควรที่จะข้อมูลอ้างอิงที่มีประสิทธิผล เหมาะสมและเชื่อถือได้

“เท่าที่ติดตามดูข้อมูล ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านระเบียบวิจัยบอกได้ว่า ยาโฮมีโอพาธีย์ยูพาโทเรียมฯ ที่ระบุว่าได้ผลป้องกันไข้เลือดออก 89.9% ไม่ถูกต้อง เพราะวิธีและรูปแบบที่ใช้ในการวิจัย ไม่เข้มแข็งเพียงพอที่จะพิสูจน์ประสิทธิภาพของยาโฮมีโอพาธีย์ยูพาโทเรียมฯ ได้”

ต่อข้อซักถามว่า การประชาสัมพันธ์ยาโฮมีโอพาธีย์ยูพาโทเรียมฯ กรมการแพทย์แผนไทยฯ อาจมองว่าเป็นเพียงการสนับสนุนเพื่อป้องกันและส่งเสริมการแพทย์ทางเลือก ผศ.นพ.ธีระ กล่าวว่า ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดแต่การชวนให้คนมากินหรือใช้ยา สิ่งต้องดูคือมีข้อมูลเชิงวิทยาศาสตร์ที่เป็นเหตุเป็นผล มีน้ำหนักเพียงพอ มีการดำเนินการตามมาตรฐานการวิจัยหรือไม่ ผู้ที่เรียนด้านการแพทย์ย่อมรู้แก่ใจดี ไม่ว่าจะเป็นยาหรือวัคซีนที่เราแนะนำให้คนใช้รักษาหรือป้องกันโรคจะต้องมีมาตรฐาน หากไม่ตรงตามมาตรฐานนั่นคือความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับประชาชน ขณะที่หน่วยงานด้านสุขภาพก่อนประกาศเรื่องใดหรือแนะนำให้ประชาชน ต้องมั่นใจว่าสิ่งดังกล่าวเป็นสิ่งที่ดีและได้ผลจริง เมื่อทำซ้ำแล้วก็ยังได้ประสิทธิผลเช่นเดิม เพราะไม่เช่นนั้นจะเป็นการทำร้ายประชาชนมากกว่าเป็นประโยชน์

ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อได้มีการประกาศประชาสัมพันธ์ยาโฮมีโอพาธีย์ยูพาโทเรียมให้กัปประชาชนแล้ว ทางออกเพื่อแก้ปัญหาควรทำอย่างไร ผศ.นพ.ธีระ กล่าวว่า คำพูดก่อนที่จะพูดออกไป เราจะเป็นนายคำพูด แต่เมื่อพูดออกไปแล้ว คำพูดที่กล่าวออกไปจะเป็นนายเรา ซึ่งการประกาศนโยบายออกไปแล้วคงแก้ไม่ได้ เพราะคนได้มีการเสพสื่อประชาสัมพันธ์ไปแล้ว อย่างไรก็ตามเมื่อมีการทักท้วงฉุกคิดความไม่เหมาะสมและผลกระทบที่ตามมา กรมการแพทย์แผนไทยฯ และกระทรวงสาธารณสุขเองควรมีคำแนะนำจากนี้ว่าการใช้ยาโฮมีโอพาธีย์ยูพาโทเรียมฯ ซึ่งเป็นทางเลือกมีความเสี่ยงอะไรบ้าง และควรระมัดระวังในเรื่องใด รวมถึงยังคงเน้นย้ำให้ดำเนินมาตรการป้องกันควบคู่ เพราะผลการวิจัยนี้ยังอ่อนอยู่มาก โดยใช้ข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริง

หลังจากนี้ควรมีการศึกษาวิจัยยาโฮมีโอพาธีย์ยูพาโทเรียมฯ เพื่อให้เกิดความชัดเจนและชี้ชัดถึงประสิทธิผลหรือไม่นั้น ไม่ว่าจะเป็นการแพทย์แผนไทยหรือการแพทย์ทางเลือกหากทำได้ดีก็จะมีประโยชน์ แต่ทั้งนี้ต้องมีหลักฐานเชิงประจักษ์ถึงประสิทธิผลที่แน่นอน มั่นใจได้ ซึ่งหากยังไม่ดีพอ การลงทุนเพื่อทำการศึกษาวิจัยก็เป็นสิ่งที่ควรทำ เพราะเป็นเรื่องที่ส่งผลต่อชีวิตคน เพราะไม่เช่นนั้นผลที่ได้จะไม่คุ้มเสีย ซึ่งที่ผ่านมาเรามีบทเรียนจากการแพทย์ทางเลือกหลายเรื่อง ทั้งในเรื่องกัญชาที่เป็นกระแสอยู่ในขณะนี้ รวมถึงยารักษามะเร็งหมอแสง รวมถึงยาโฮมีโอพาธีย์ยูพาโทเรียมฯ นี้ จึงไม่ควรปล่อยเกิดเหตุซ้ำซาก น่าที่จะป้องกันโดยยึดหลักวิชาการทางการแพทย์

ส่วนแนวทางการพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกจากนี้ ผศ.นพ.ธีระ กล่าวว่า วันนี้ควรหมดยุคการนำยาสมุนไพรมากรักษาโดยไม่ผ่านการศึกษาวิจัยตามมาตรฐาน ซึ่งหากภาครัฐจะสนับสนุนควรมีการลงทุนโดยตั้งศูนย์วิจัยที่เป็นมาตรฐานเพื่อพิสูจน์ประสิทธิผล ไม่ว่าจะเป็นสมุนไพร ตำรับยา และวิธีการรักษา ที่ส่งผลให้การแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกน่าเชื่อถือ นำไปสู่การพัฒนายั่งยืน เพราะไม่เช่นนั้นจะวนอยู่ในวงจรอุบาทที่ประชาชนถูกหลอกซ้ำซาก และส่งผลกระทบต่อการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกในที่สุด