ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ศบค.เผยสถานการณ์ป่วยโควิด-19 ของไทยประจำวันที่ 3 เม.ย. 63 ผู้ป่วยรายใหม่พบ 103 ราย ยืนยัน 1,978 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 4 ราย ชายไทยอายุมากกว่า 70 ปี 3 ราย มี 1 รายอายุ 59 ปี พบมีโรคประจำตัว 3 ราย

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 3 เม.ย.2563 ที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. แถลงสถานการณ์โควิด-19 ภายหลังนายกรัฐมนตรี ประกาศเคอร์ฟิวทั่วประเทศ ห้ามออกจากเคหสถานเวลา 22.00 -04.00 น. เริ่มวันที่ 3 เม.ย.2563 ว่า สำหรับตัวเลขผู้ป่วยโควิด-19 ทั่วโลกทะลุกว่า 1 ล้านคนแล้ว ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต้องติดตามทุกวัน โดยสหรัฐอเมริกายังสูงสุด เฉพาะรายใหม่วันเดียวสูงถึง 29,748 ราย ขณะนี้มีผู้ป่วย 244,230 ราย ส่วนประเทศที่มีเสียชีวิตเป็นหลักหมื่น คือ อิตาลี และสเปน

สำหรับประเทศไทยมีผู้ป่วยที่รักษาหายแล้วจำนวน 581 ราย ส่วนผู้ป่วยรายใหม่พบ 103 ราย มีผู้ป่วยยืนยันสะสม 1,978 ราย และเสียชีวิตเพิ่ม 4 ราย รวมเสียชีวิต 19 ราย โดยผู้เสียชีวิต 4 รายนั้น รายแรก ชาย 59 ปี อาชีพพนักงานการรถไฟ มีอาการเข้ามารักษา 16 มี.ค ด้วยอาการไข้ และ 21 มี.ค พบแพทย์ที่ รพ.บางปะกอก และไปทำงานตามปกติ ซึ่งอาการน้อยมาก แต่ปรากฎว่าสักระยะอาการหนักขึ้นในวันที่ 31 มี.ค. มีอาการเหนื่อยหอบ และรักษา โรงพยาบาลโรงเรียนแพทย์ จนพบว่าป่วยโควิด และเสียชีวิต 2 เม.ย.

รายที่ 2 ชายไทย 72 ปี มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ คือ ลูกไปดูมวย และรักษา รพ.แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ โดยผู้ป่วยมีโรคไต และเสียชีวิต 1 เม.ย.

รายที่ 3 ชายไทยอายุ 84 ปี ทำงานที่สนามมวยราชดำเนิน มีโรคไต ความดันโลหิตสูง เก๊าท์ เข้ารับรักษาใน รพ.ที่กรุงทเพฯ ตั้งแต่ 26 มี.ค. และเสียชีวิตวันที่ 2 เม.ย.

รายที่ 4 ชายไทยอายุ 84 ปี ไปสนามมวยราชดำเนิน เข้ารักษาวันที่ 21 มี.ค. ด้วยอาการไข้ 39.3 องศา มีน้ำมูก ไอ ไป รพ.ของรัฐ และเสียชีวิตในวันที่ 2 เม.ย.

“โดย 3 รายสูงอายุทั้งสิ้น ดังนั้น ต้องขอให้ประชาชนหนุ่มสาว คนทำงาน หากเป็นลูกกตัญญูขออย่าใกล้ชิดท่าน ไม่ต้องรดน้ำสงกรานต์ ใช้แอลกอฮอล์เจลล้างมือดีที่สุด อย่างไรก็ตาม อายุที่ต้องเน้นย้ำตอนนี้คือ อายุ 20-29 ปีป่วยมากขึ้น กลุ่มนี้มีการเดินทาง การเคลื่อนย้ายพบปะสังสรรค์จำนวนมาก ยังมีการสังสรรค์” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว

สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ 103 ราย แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม

1. สัมผัสเกี่ยวข้องผู้ป่วยก่อนหน้า 48 ราย

- สนามมวย 1 ราย

- กลุ่มสถานบันเทิง 2 ราย

- สัมผัสกับผู้ป่วยติดเชื้อยืนยันก่อนหน้านี้ 39 ราย

- งานทางศาสนาที่อินโดนีเซีย 6 ราย

2.กลุ่มผู้ป่วยอื่นๆ 44 ราย

- คนไทยกลับจากต่างประเทศ 7 ราย

- คนต่างชาติเดินทางมาจากต่างประเทศ 8 ราย

- สัมผัสจากผู้เดินทางจากต่างประเทศ 2 ราย

- ไปสถานที่ชุมนุม 4 ราย

- อาชีพเสี่ยง เช่น ทำงานในสถานที่แออัด 13 ราย

- บุคลากรทางการแพทย์ 5 ราย

- อื่นๆ 5 ราย

3. กลุ่มรอสอบสวนโรคเพิ่มเติม 11 ราย

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยยืนยัน 1,978 ราย มี 62 จังหวัด แต่มี 15 จังหวัดไม่พบผู้ป่วย ทั้งนี้ กรมควบคุมโรค ได้จัดทำจังหวัดที่มีอัตราป่วยดังนี้

สำหรับ 10 จังหวัดที่พบผู้ป่วยสูงสุด (ข้อมูล 3 เมษายน) อันดับ 1 ได้แก่ กรุงเทพมหานคร 947 ราย ถัดมา คือ นนทบุรี 114 ราย ภูเก็ต 100 ราย สมุทรปราการ 88 ราย ชลบุรี 54 ราย ยะลา 50 ราย ปัตตานี 43 ราย สงขลา 34 ราย เชียงใหม่ 32 ราย ปทุมธานี 24 ราย อยู่ระหว่างสอบสวนโรค 187 ราย

ส่วน 15 จังหวัด ที่ยังไม่มีรายงานพบผู้ป่วย (ข้อมูล 3 เมษายน) ได้แก่ กำแพงเพชร ชัยนาท ตราด น่าน บึงกาฬ พระนครศรีอยุทธยา พังงา พิจิตร ระนอง ลำปาง สกลนคร สตูล สิงห์บุรี สมุทรสงคราม และอ่างทอง

ทั้งนี้ หากดูสัดส่วนที่มีผู้ป่วยสะสมสูงสุด 10 อันดับแรกของประเทศไทย 1 เดือนที่ผ่านมา (ในอัตราป่วยต่อแสนประชากร) พบว่า อันดับ 1 ได้แก่ จังหวัดภูเก็ต อัตราส่วน 26.67 ต่อแสนประชากร ถัดมา คือ กรุงเทพมหานคร 15.78 ต่อแสนประชากร นนทบุรี 8.80 ต่อแสนประชากร ยะลา 7.93 ต่อแสนประชากร สมุทรปราการ 6.22 ต่อแสนประชากร ปัตตานี 5.04 ต่อแสนประชากร ชลบุรี 3.28 ต่อแสนประชากร สมุทรสาคร 2.79 ต่อแสนประชากร กระบี่ 2.54 ต่อแสนประชากร และ ประจวบคีรีขันธ์ 2.38 ต่อแสนประชากร ตามลำดับ

“สำหรับ จังหวัดภูเก็ต ภายใน 1 เดือนที่ผ่านมา มีอัตราการเจ็บป่วย มากที่สุดในประเทศ เมื่อเทียบกับจำนวนประชากร ขณะที่ 26 มีนาคม - 2 เมษายน 2563 ภูเก็ตมีผู้ป่วยรวม 100 ราย อัตราป่วย 24.6 ต่อแสนประชากร อายุระหว่าง 6 เดือน – 69 ปี กระจายทั้ง 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอกระทู้ 45 ราย อำเภอเมืองภูเก็ต 26 ราย และอำเภอถลาง 10 ราย ไม่ระบุ 19 ราย และมีผู้เดินทางไปป่วยพื้นที่อื่น อาทิ กทม. ชลบุรี อุบลราชธานี และสุพรรณบุรี” โฆษก ศบค. กล่าว

โฆษก ศบค. กล่าวต่อไปว่า สำหรับสถานการณ์โดยรวมผู้ป่วยยืนยันตามปัจจัยเสี่ยง จำแนกตามรายสัปดาห์ พบว่า ในกลุ่มที่เรากังวลใจมากที่สุด คือ กลุ่มคนที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยยืนยัน ซึ่งมีจำนวนมากที่สุด ถัดมา คือ กลุ่มสถานบันเทิง คนไทยมาจากต่างประเทศ อาชีพเสี่ยง และคนต่างชาติที่เข้ามาจากต่างประเทศ ยังต้องกังวลอยู่ ขณะที่ผู้ป่วยที่เกี่ยวข้องกับสนามมวย ขณะนี้ มีการติดเชื้อลดลง