ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ชี้ “poly propylene” คือหัวใจสำคัญเป็นวัตถุดิบในการผลิตหน้ากากอนามัย ผลิตได้ภายในประเทศ แต่กลับติดเงื่อนไขผลิตให้กับลูกค้าในประเทศไทยและสามารถถูกส่งออกไปต่างประเทศโดยไม่ลดจำนวนลง

นพ.พงษ์ศักดิ์ ศรีมุษิกโพธิ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท สร้างสุขภาพไทย จำกัด ออกข้อเสนอต่อ “องค์การเภสัชกรรม” หรือองค์กรสาธารณประโยชน์อื่นๆ ในประเทศร่วมผลิตหน้ากากอนามัย ระบุว่า หน้ากากอนามัย ถูกกำหนดมาตราฐานอุตสาหกรรม มาตั้งแต่ 2524 โดยทั่วไปการผลิตหน้ากากอนามัย 3 ชั้นนั้น จะผลิตจากผ้าไม่ถักไม่ทอ 2 ชนิด โดย ชนิดแรก เป็นของชั้นที่ 1 และ 3 ผลิตจาก “Spunlace Nonwoven Sheets” และชนิดที่ 2 เป็นชั้นที่ 2 เป็นแผ่นกรอง ผลิตจากผ้าไม่ถักไม่ทอชนิดซึ่งชนิดของผ้าไม่ถักไม่ทอแยกออกเป็นหลายลายประเภท โดยวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตคือพลาสติกที่ชื่อว่า “poly propylene” ซึ่งถือเป็นหัวใจของการผลิต และในประเทศ poly propylene ก็เป็นผลิตภัณฑ์ที่ผลิตได้ในประเทศ ผ่าน บมจ.ปตท. เคมีคอล

ทว่า ขณะนี้โรงงานผลิตหน้ากากอนามัย ปฏิเสธที่จะผลิตให้กับลูกค้าในประเทศไทย เพราะเหตุที่คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ กระทรวงพาณิชย์ ออกประกาศกำหนดราคาหน้ากากอนามัย ที่ผลิตได้ในประเทศจะจำหน่าย ได้ไม่เกินราคา 2.5 บาทต่อชิ้น และห้ามส่งออกไปนอกราชอาณาจักรเว้นแต่มีลิขสิทธิ์ ดังนั้น แม้จะผลิตได้ในประเทศแต่สินค้ากลับถูกส่งออกไปต่างประเทศโดยไม่ลดจำนวนลง

ขณะที่ หน้ากากผ้าที่ถูกนำมาใช้ทดแทน ตามที่ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข แนะนำให้ใช้ยังจำเป็นต้องเว้นระยะห่าง 2 เมตร เพราะไม่มีแผ่นกรองในหน้ากากผ้า ที่สามารถกรอง ละอองไอ จาม น้ำมูก ได้ในขนาด 5 ไมครอนได้ ส่วนมากผ้าจะกรองได้ในขนาดประมาณ มากกว่า 5 ไมครอน และไม่กันน้ำ และถึงแม้ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จะได้ทดสอบผ้าท่อแน่น ซึ่งเป็น ผ้าฝ้ายที่ทอแน่นมาก พบว่ามีความสามารถกรอง 4-5 ไมครอนก็ตาม แต่ก็ไม่ปรากฎในระดับโลกที่ผ้าทอแน่น ถูกนำมาทำหน้ากากอนามัย แต่อย่างใด

ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2561 (เดือนมกราคม - มีนาคม) ประเทศไทยมีมูลค่าการนำเข้าหน้ากากอนามัย 29.58 ล้านบาท และมีมูลค่าการส่งออกสูงถึง 38.97 ล้านบาท โดยทวีปที่มีการการนาเข้า-ส่งออก หน้ากากอนามัยกับประเทศไทยสูงสุด คือ ทวีปเอเชีย/เอเชียแปซิฟิก โดยมีประเทศญี่ปุ่น จีน และสิงคโปร์ เป็นคู่ค้าหลัก รองลงมา ได้แก่ ยุโรป โดยมีประเทศอังกฤษและเยอรมันเป็นคู่ค้าสำคัญ โดยบริษัทชั้นนำสัญชาติไทย ที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับหน้ากากอนามัยรายใหญ่อยู่ 4 ราย คือ บริษัท ไทย ฮอสปิทอลโปรดักซ์ จำกัด มีทุนจดทะเบียน 40,000,000 บาทรองลงมาคือ บริษัท เมดคอน จากัด มีทุนจดทะเบียน 7,000,000 บาท บริษัท ไบโอเซฟ โปรดักส์ จากัด มีทุนจดทะเบียน 5,000,000 บาท บริษัท บีเวอร์ เมดิคอล อินดัสตรี้ จากัด มีทุนจดทะเบียน 12,000,000 บาท และบริษัท ท็อป โฮซัม จากัด ทุนจดทะเบียน 4,000,000 บาท