ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

สปสช.จับมือ คลินิกกายภาพบำบัด ร่วมดูแลผู้ป่วย 4 กลุ่มโรคสิทธิบัตรทอง 30 บาท ทางเลือกในการรับบริการฟื้นฟูสมรรถภาพ ช่วยเพิ่มการเข้าถึงบริการ สะดวก และลดความแออัดในโรงพยาบาล พร้อมชวน “คลินิกการยภาพบำบัด” ทั่วประเทศกว่า 800 แห่ง เข้าร่วมเป็นหน่วยบริการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติกับ สปสช. และแนะโรงพยาบาลทั่วประเทศ ดึงคลินิกกายภาพบำบัดในพื้นที่ร่วมเป็นเครือข่ายบริการ ร่วมดำเนินงานบริการผู้ป่วย 

วันที่ 4 มิ.ย. 2566 นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า การทำกายภาพบำบัด เป็นบริการทางการแพทย์ในการฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกาย ซึ่งมีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อผู้ป่วย เพื่อให้ลดอาการปวด ฟื้นฟูร่างกายสู่ภาวะปกติ ให้สามารถดำเนินกิจวัตรในชีวิตประจำวัน รวมทั้งป้องกันความพิการ โดยเฉพาะกับผู้ป่วยใน 4 กลุ่มโรค ได้แก่ 1. ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) 2. ผู้ป่วยสมองได้รับบาดเจ็บ (Traumatic brain injury) 3. ผู้ป่วยไขสันหลังได้รับบาดเจ็บที่ได้รับการรักษาจนเข้าสู่ภาวะคงที่ และ 4. ผู้ป่วยภาวะกระดูกสะโพกหักจากภยันตรายชนิดไม่รุนแรง (Fragility fracture hip ) ที่ต้องได้รับการฟื้นสมรรถภาพผู้ป่วยระยะกลาง (Intermediate care : IMC) ที่เป็นช่วงเวลาสำคัญในการฟื้นฟูสมรรถภาพ ทั้งนี้ด้วยผู้ป่วยจำเป็นต้องเข้ารับบริการหลายครั้งและต่อเนื่อง แต่เนื่องด้วยจำนวนผู้ป่วยรอรับบริการมีจำนวนมาก เกิดความแออัดในโรงพยาบาล รวมถึงความสะดวกในการเดินทางไปรับบริการ ทำให้เป็นอุปสรรคต่อผู้ป่วยในการเข้ารับบริการ ส่งผลต่อประสิทธิผลในการฟื้นฟูสมรรถภาพ ของผู้ป่วยได้ 

สปสช. จึงได้เพิ่มทางเลือกและอำนวยความสะดวกในการเข้ารับบริการฟื้นฟูสมรรถภาพฯ ให้กับผู้ป่วยสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ บัตรทอง 30 บาท ทั้ง 4 กลุ่มโรคข้างต้นนี้ โดยชวน “ คลินิกกายภาพบำบัด ” ที่มีมาตรฐานการบริการ เข้าร่วมให้บริการผู้ป่วยในระบบบัตรทองในการฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกาย โดยคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ได้เห็นชอบให้ “คลินิกกายภาพบำบัด” ร่วมเป็นหน่วยบริการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง 30 บาท) มาตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2564 โดยเริ่มต้นมีคลินิกกายภาพบำบัดร่วมนำร่อง 24 แห่ง 

จากผลการดำเนินงานปัจจุบันมีคลินิกกายภาพบำบัดทั่วประเทศเข้าร่วมเป็นหน่วยบริการในระบบบัตรทองกับ สปสช. แล้วจำนวน 58 แห่ง ช่วยให้ผู้ป่วย 4 กลุ่มโรคเข้าถึงการฟื้นฟูสมรรถภาพฯ มากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงระยะ 3-6 เดือน หลังจากอาการของผู้ป่วยพ้นระยะวิกฤต หรือแพทย์ประเมินให้พ้นการเป็นผู้ป่วยใน ที่เป็นช่วงเวลาทองของการบำบัดรักษา (golden period) เนื่องจากเป็นระยะสมองและระบบประสาทต่างๆ ของร่างกายมีความพร้อมที่จะรับการฟื้นฟูสภาพ หากได้รับการบำบัดที่ถูกต้องและต่อเนื่อง ก็จะมีโอกาสทำให้ผู้ป่วยกลับสู่ภาวะปกติ และสามารถลดความพิการได้

สำหรับรูปแบบของการให้บริการจะเป็นการเชื่อมต่อบริการกายภาพบำบัดโดยมีโรงพยาบาลทำหน้าที่เป็นแม่ข่ายให้กับคลินิกกายภาพบำบัด และทำการประสานส่งต่อผู้ป่วยที่อาการพ้นระยะวิกฤตหรือที่แพทย์ประเมินจำหน่ายจากผู้ป่วยใน ให้มารับทำการฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายต่อเนื่องที่คลินิกกายภาพบำบัด โดยมีหลักเกณฑ์การบริกาiกายภาพบำบัดแบบเข้มข้นร่วมกับหน่วยบริการไม่เกิน 20 ครั้ง ในช่วง golden period 

นพ.จเด็จ กล่าวต่อว่า การจัดบริการฟื้นฟูสมรรถภาพฯ ในรูปแบบเครือข่ายบริการที่โรงพยาบาลร่วมกับคลินิกกายภาพบำบัดนั้น เป็นประโยชน์อย่างยิ่งทั้งกับโรงพยาบาลเองที่ช่วยลดภาระงานบริการและความแออัดของโรงพยาบาล ผู้ป่วยที่เข้าถึงบริการฟื้นฟูสมรรถภาพสมรรถภาพที่มีมาตรฐานและมีความสะดวกเพิ่มขึ้น โดยวันนี้ สปสช.ขอเชิญชวนคลินิกกายภาพบำบัดทั่วประเทศที่มีอยู่กว่า 800 แห่งทั่วประเทศ (ข้อมูลจากสภากายภาพบำบัด) มาร่วมเป็นหน่วยบริการกับ สปสช. พร้อมขอให้โรงพยาบาลในระบบ สปสช. ประสานกับคลินิกกายภาพบำบัดในพื้นที่ มาเป็นเครือข่ายบริการของโรงพยาบาล ซึ่งจะช่วยเสริมศักยภาพการบริการกายภาพบำบัดให้กับโรงพยาบาลได้  

“ประชาชนอาจยังไม่ทราบว่าการทำกายภาพบัดบัดในผู้ป่วยบัตรทองใน 4 กลุ่มโรค วันนี้ผู้ป่วยมีทางเลือกในการเข้ารับบริการฟื้นฟูสมรรถภาพฯ แล้ว นอกจากการรับบริการที่โรงพยาบาลแล้ว ยังสามารถขอรับบริการที่คลินิกกายภาพบำบัดที่เป็นเครือข่ายของโรงพยาบาลได้ ซึ่งที่นี่ไม่เพียงแต่จะได้รับการฟื้นฟูสมรรถภาพฯ ตามมาตรฐานเช่นเดียวกับที่โรงพยาบาลแล้ว ยังมีความสะดวก ไม่แออัด และไม่ต้องรอคิวนาน” เลขาธิการ สปสช. กล่าว