ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

คกก.วัคซีนแห่งชาติรับทราบผลความก้าวหน้าวัคซีนโควิด19 โดยคนไทยพัฒนา ล่าสุดวัคซีน HXP-GPOVAC   องค์การฯ ใกล้สำเร็จ! รอลุ้นผลทดสอบเฟสสุดท้ายกลาง ก.ย.นี้ หากดีพร้อมขึ้นทะเบียน อย. ผลิตออกใช้เร็วสุดปลายปี-ม.ค. 67 ส่วนการจัดซื้ออยู่ระหว่างพิจารณาของคณะอนุกรรมการสร้างเสริมฯ อาจเสนอใช้งบ สปสช.

 

เมื่อวันที่ 1 กันยายน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ ถึงกรณีคณะรัฐมนตรี(ครม.) เห็นชอบผลการพิจารณาคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ (คกง.) อนุมัติให้กรมควบคุมโรคขยายเวลาการสิ้นสุดโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด19  ว่า  นอกจาก ครม.รับทราบผลการพิจารณาดังกล่าวแล้ว ขณะเดียวกัน กรมควบคุมโรค และทางกระทรวงสาธารณสุข มีการดำเนินการคู่ขนานก่อนหน้านี้ในเรื่องของการเจรจากับผู้ผลิตวัคซีนโควิด เพราะขณะนี้สถานการณ์โควิดไม่เหมือนแต่ก่อน และประชาชนผ่อนคลายความกังวล ไม่ค่อยมาฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นมากเท่าที่ควร จึงมีการเจรจาในการลดเข็มบูสเตอร์ และขอเปลี่ยนเป็นแอนติบอดีสำเร็จรูป หรือ LAAB แทน

“สำหรับคนที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนและติดเชื้อ ยังสามารถใช้ LAAB  รักษาได้  เรียกว่า เป็นทั้งวัคซีนและยารักษา โดยมีราคาสูงกว่าวัคซีน จึงอยากฝากว่า โควิด19 ยังอยู่ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงควรมารับเข็มกระตุ้นและฉีดพร้อมๆกับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ โดยฉีดคู่กันได้” นายอนุทิน กล่าว

วัคซีนโควิด  HXP-GPOVAC  องค์การเภสัชฯ ใกล้สำเร็จใช้ปลายปี

ด้าน นพ.นคร เปรมศรี  ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ กล่าวว่า สำหรับวัคซีนป้องกันโควิดในประเทศไทยจะนำมาใช้เป็นวัคซีนเข็มกระตุ้น เพราะแม้จะพัฒนามาจากสายพันธุ์เดิม แต่ก็ยังได้ผลดีในการป้องกันความรุนแรงได้ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง  ผู้สูงอายุที่มีโรคร่วมเมื่อได้รับวัคซีนบูสเตอร์จะลดความรุนแรงได้ ซึ่งทุกวันนี้ประเทศไทยยังมีผู้ติดเชื้อที่ยังใส่ท่อช่วยหายใจอยู่ โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่มีโรคร่วม การฉีดวัคซีนในกลุ่มนี้ ภูมิคุ้มกันจะเกิดขึ้นน้อยกว่าคนทั่วไป หรือภูมิฯตกเร็วกว่า  ดังนั้น วัคซีนที่ไทยพัฒนาก็จะมาใช้ตรงจุดนี้ พร้อมทั้งวัคซีนที่ขึ้นทะเบียนของไทยก็ยังพัฒนารองรับสายพันธุ์ใหม่ได้ เพราะอนาคตเราไม่รู้ว่าจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร ตอนนี้โอมิครอน อีก 6 เดือนข้างหน้าอาจเปลี่ยนแปลง การได้ขึ้นทะเบียนตัวแรกก็จะเป็นพื้นฐานในการปรับรองรับสายพันธุ์ใหม่ๆ

ผู้สื่อข่าวถามว่าวัคซีนโดยคนไทยพัฒนาจะเป็นขององค์การเภสัชกรรม หน่วยงานแรกสำเร็จก่อนหรือไม่ นพ.นคร กล่าวว่า  ใช่  เรียกว่า วัคซีน HXP-GPOVAC   ขององค์การฯ กำลังรอผลการทดสอบระยะที่ 3  หากผลออกมาดี ก็จะนำขึ้นทะเบียนกับทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) ช่วงกลายเดือนกันยายนนี้  จากนั้นจึงจะผลิตออกมาใช้ได้หลังขึ้นทะเบียน รวมๆแล้วน่าจะได้ใช้ปลายปีนี้ หรืออาจต้นเดือนมกราคม 2567

นพ.นคร กล่าวเพิ่มเติมว่า วัคซีนที่คนไทยพัฒนา ยังมีอีก 2 ชนิด ได้ทำการทดสอบในมนุษย์แล้ว ได้แก่ 1.วัคซีน ChulaCov19 ชนิด mRNA โดยศูนย์วิจัยวัคซีนแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปัจจุบันกำลังรับอาสาสมัครเพื่อทดสอบเป็นวัคซีนเข็มกระตุ้นในระยะที่ 1 วัคซีนในประเทศมีคุณภาพดีและเหมาะกับการศึกษาในมนุษย์ 2.วัคซีน Baiya SARS-CoV-2 Vax โดยบริษัท ใบยา ไฟโตฟาร์ม จำกัด และอยู่ระหว่างการเตรียมอาสาสมัครเพื่อศึกษาในระยะที่ 2 สำหรับการฉีดวัคซีนเป็นเข็มกระตุ้น

อนาคตอาจจัดซื้อวัคซีนโควิดผ่าน สปสช.

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากองค์การฯ ผลิตวัคซีนโควิดออกมาแล้ว ในเรื่องแหล่งของงบประมาณการจัดซื้อจะเป็นอย่างไร  นพ.นคร กล่าวว่า  ขึ้นอยู่กับการจัดซื้อว่าจะเป็นวิธีใด หากวิธีเฉพาะเจาะจง และยังใช้ในสภาวะพิเศษอยู่ ก็ซื้อโดยตรงจากงบประมาณ ซึ่งคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคกำลังพิจารณาว่า จะนำเข้าแผนงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคหรือไม่ โดยใช้งบจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) ซึ่งก็จะเป็นขั้นตอนต่อไป อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ไม่ได้จำกัดเฉพาะวัคซีนขององค์การฯ แต่วัคซีนโควิด19 ใดๆก็ตาม จะอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาทั้งหมด

รายละเอียดขยายเวลาโครงการวัคซีนโควิด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับกรณีการขยายระยะเวลาการสิ้นสุดโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคโควิด19 สำหรับประชากรในประเทศไทยจำนวน 60 ล้านโดส (AstraZeneca) ปี พ.ศ. 2565 และโครงการจัดหาวัคซีนโควิด19 สำหรับประชากรในประเทศไทยจำนวน 30 ล้านโดส (Pfizer) พ.ศ.2565  ไปสิ้นสุดโครงการในเดือนมีนาคม 2567 จากเดิมที่สิ้นสุดโครงการ เดือนกันยายน 2566  เนื่องจากกรณีของการจัดหาวัคซีน AstraZeneca นั้นอยู่ระหว่างรอหนังสือแจ้งยืนยันผลการเจรจาในการขอเปลี่ยนแปลงรายการวัคซีนที่ยังไม่ส่งมอบจำนวน 19.07 ล้านโดสเป็น LAAB ส่วนโครงการจัดหาวัคซีน Pfizer นั้นส่งมอบครบแล้ว แต่อยู่ระหว่างการบริหารจัดการวัคซีนส่วนที่เหลือเพื่อให้สอดคล้องกับการดำเนินงานบริหารจัดการวัคซีน Pfizer (Maroon Cap) ในพื้นที่ต่อไป