ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

 

วันนี้( 12 พฤษภาคม 2555) ที่โรงพยาบาลชัยภูมิ จ.ชัยภูมิ นายแพทย์สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานและร่วมประชุมหารือการพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารทางการแพทย์และสาธารณสุข โดยมีแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุข และนักวิชาการ ผู้ที่มีประสบการณ์ จากภาครัฐและจากโรงพยาบาลเอกชนร่วมประชุมเพื่อนำมาพัฒนาระบบบริการประชาชนให้รวดเร็วขึ้น จากนั้นเดินทางไปตรวจเยี่ยมการดำเนินงานที่โรงพยาบาลคอนสวรรค์ โรงพยาบาลแก้งคร้อ จังหวัดชัยภูมิ โดยมีนายแพทย์คำรณ ไชยศิริ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข และคณะร่วมตรวจเยี่ยม 

นายแพทย์สุรวิทย์ ให้สัมภาษณ์ว่า รัฐบาลมีนโยบายให้ประชาชนที่เจ็บป่วย ได้รับบริการทางการแพทย์อย่างทั่วถึง มีคุณภาพ รวดเร็ว เท่าเทียมและใกล้บ้าน ใกล้ใจ นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้มอบหมายให้ตนติดตามเร่งรัดนโยบายดังกล่าว ซึ่งในวันนี้ได้ประชุมหารือกับเจ้าหน้าที่ เพื่อศึกษาแนวทางในการพัฒนาระบบสารสนเทศหรือระบบไอทีของโรงพยาบาลทุกระดับ มาใช้ในการให้บริการผู้ป่วยผ่านทางระบบออนไลน์คอมพิวเตอร์เช่นเดียวกับระบบในต่างประเทศ โดยประชาชนสามารถใช้บริการที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล หรือศูนย์สุขภาพชุมชนเมือง ซึ่งเป็นสถานพยาบาลต้นทางที่อยู่ใกล้บ้านที่สุด โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคเรื้อรังที่ต้องพบแพทย์และรับยาเป็นประจำซึ่งมีประมาณร้อยละ 60 ของผู้ป่วยที่ไปใช้บริการที่โรงพยาบาลขนาดใหญ่ในจังหวัด คือโรงพยาบาลศูนย์และโรงพยาบาลทั่วไป ซึ่งการพัฒนาระบบที่กล่าวนี้ จะช่วยลดค่าใช้จ่ายทั้งค่าเดินทางและค่าอาหารที่ผู้ป่วยต้องควักกระเป๋าเอง ระหว่างไปโรงพยาบาลใหญ่ได้ถึงปีละประมาณ 80,000 ล้านบาท

นายแพทย์สุรวิทย์ กล่าวต่อว่า ในการพัฒนาระบบไอทีดังกล่าว จะมีการเชื่อมโยงข้อมูลของผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ประวัติการรักษา ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ การจ่ายยาชนิดเดียวกัน ระหว่างโรงพยาบาลต้นทาง กับโรงพยาบาลแม่ข่ายหรือโรงพยาบาลจังหวัด ผู้ป่วยจะได้รับบริการมาตรฐานเดียวกัน ซึ่งจะเป็นการช่วยลดความแออัดของโรงพยาบาลขนาดใหญ่ ลดเวลา ลดขั้นตอนและค่าใช้จ่าย ซึ่งจากการวิเคราะห์กลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง พบว่าส่วนใหญ่จะควบคุมอาการได้ดี ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องเดินทางไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลขนาดใหญ่ทุกราย ยกเว้นในรายที่ผลการตรวจผิดปกติ หรือสงสัยมีอาการแทรกซ้อน จะส่งไปตรวจที่โรงพยาบาลใหญ่เพื่อพบแพทย์เฉพาะทาง โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ 

นายแพทย์สุรวิทย์ กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้สถานบริการสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ร้อยละ 95 มีระบบอินเตอร์เน็ตแล้ว แต่ยังขาดการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างกัน ทั้งนี้ในการเริ่มระบบบริการใหม่จะมีการทดลองใช้กับสถานบริการที่มีความพร้อมก่อน หากได้รับการตอบรับจากประชาชนผู้มาใช้บริการเป็นอย่างดี ก็จะนำมาใช้กับสถานบริการของกระทรวงสาธารณสุขทั่วประเทศต่อไป