ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

รายงานข่าวจากโครงการผู้ป่วยข้างถนนมูลนิธิกระจกเงาแจ้งว่าเมื่อช่วงดึกวันที่ 11 พ.ค. ทางโครงการฯ ได้รับแจ้งเหตุจากพลเมืองดีว่า พบชายนิรนามที่เจ็บป่วย นอนอยู่ข้างถนนบริเวณถนนสุขุมวิท38 เจ้าหน้าที่จึงได้รีบลงไปสำรวจในพื้นที่ และทราบชื่อชายคนดังกล่าวจากเอกสารที่ติดตัวมาคือ นายชูเกียรติ สิทธิไพศาลเสรี อายุ 43 ปี

โดยนายชูเกียรติมีลักษณะร่างกายผ่ายผอม มีอาการอาเจียนและถ่ายท้องตลอดเวลา ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ เจ้าหน้าที่จึงได้ประสานไปยังศูนย์นเรนทรเพื่อส่งต่อผู้ป่วยไปรักษายังโรงพยาบาลที่ได้ระบุสิทธิการรักษา 30 บาทรักษาทุกโรคที่โรงพยาบาล(ขอสงวนชื่อ) ย่านมีนบุรี ทั้งนี้เมื่อเวลาสองทุ่มครึ่งผู้ป่วยได้รับการส่งต่อไปยังโรงพยาบาลดังกล่าว โดยแพทย์ได้ทำการเอ็กซเรย์ในเบื้องต้น แต่ไม่ได้ดำเนินการรักษาใดๆ ต่อ พร้อมทั้งปล่อยให้ผู้ป่วยนอนรออยู่บนเก้าอี้เป็นระยะเวลานาน หลายชั่วโมงโดยผู้ป่วยได้อาเจียนออกมาเป็นระยะๆ พร้อมทั้งล้มฟุบไปบนเก้าอี้โดยไร้การเหลียวแลจากแพทย์หรือพยาบาล

นายสิทธิพล ชูประจง หัวหน้าโครงการผู้ป่วยข้างถนน มูลนิธิกระจกเงา เปิดเผยว่า ตนได้รับการแจ้งเคสผู้ป่วยรายนี้จากหน้าแฟนเพจโครงการผู้ป่วยข้างถนนมูลนิธิกระจกเงา จึงได้ลงไปตรวจสอบและให้การช่วยเหลือพร้อมทั้งเจ้าหน้าที่ ซึ่งหลังจากลงพื้นที่แล้วก็พบนายชูเกียรตินอนอาเจียนและถ่ายไม่หยุดตลอดเวลาจริง

 “สภาพที่พบตอนนั้นเราได้ประเมินแล้วว่าหากไม่รีบพาคุณลุงไปโรงพยาบาลอาจจะต้องเสียชีวิตอยู่ตรงบริเวณนั้นแน่ เราจึงได้ประสานไปยังศูนย์นเรนทรเพื่อส่งต่อผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลดังกล่าว เพื่อให้แพทย์ทำการรักษาคุณลุงอย่างเร่งด่วน แต่เมื่อไปถึงโรงพยาบาลกลับไม่มีความสนใจหรือใส่ใจจากแพทย์หรือพยาบาลของโรงพยาบาลแม้แต่น้อย”นายสิทธิพล กล่าว

หัวหน้าโครงการผู้ป่วยข้างถนน มูลนิธิกระจกเงา เล่าต่อไปว่า แพทย์เวรในขณะนั้นได้ทำการเอ็กซเรย์คนไข้และปล่อยให้คนไข้รอเป็นเวลานานหลายชั่วโมง ซึ่งนายชูเกียรติอาเจียนออกมาเลอะเก้าอี้ที่นั่งรอและล้มฟุบลงไปกับพื้น ตนเห็นท่าไม่ดีจึงเข้าไปถามกับหมอเวรในขณะนั้นว่าจะให้นอนรอต่อไปอย่างนี้อีกนานแค่ไหน เนื่องจากผู้ป่วยอยู่ในสภาพที่ไม่ไหวแล้ว อย่างน้อยก็น่าจะให้นอนรอการรักษาบนเตียงก่อน ไม่ใช่ปล่อยให้มานอนรอด้วยความเจ็บปวดทุกข์ทรมานบนเก้าอี้แบบนี้

นายสิทธิพล กล่าวต่อว่า หมอเวรที่ตนเข้าไปสอบถามในขณะนั้นทำสีหน้าไม่พอใจ และให้เหตุผลว่า ที่ไม่รักษาผู้ป่วยรายนี้และปล่อยให้นอนรออยู่นานร่วมหลายชั่วโมงนั้นเนื่องเพราะ ไม่มีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ที่จะต้องทำการรักษาต่อ และเตียงที่โรงพยาบาลนั้นจะต้องมีไว้สำหรับบริการคนที่ต้องการรับการรักษาจริงๆ เท่านั้น ตนจึงสอบถามคุณหมอกลับไปว่าคนที่จะต้องได้รับการรักษาจริงๆ เท่านั้นคือคนที่ต้องมีเงินใช่หรือไม่ คุณหมอจึงย้อนถามกลับมายังตนว่า แล้วมีเงินหรือไม่ ตนจึงตอบคุณหมอกลับไปว่ามี จะให้เสียเท่าไหร่ผู้ป่วยถึงจะได้รับการรักษา หมอจึงเงียบไป

 “กรณีที่เกิดขึ้นกับลุงชูเกียรติไม่ใช่การเรียกร้องที่นอกเหนือจากสิทธิที่ประชาชนคนไทยคนไหนควรได้รับ หากแต่เป็นการเรียกร้องในสิทธิขั้นพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ที่ควรจะได้รับการปฏิบัติตามสิทธิขั้นพื้นฐานในการรักษาอาการจากการเจ็บป่วย ที่ผู้ป่วยข้างถนนคนนี้มีคือบัตร 30 บาทรักษาทุกโรค การปฏิเสธการรักษา โดยเฉพาะเมื่อมีการประกาศนโยบายเจ็บป่วยฉุกเฉินถึงแก่ชีวิตรักษาทุกที่ทั่วถึงทุกคนการปฏิบัติก็ต้องเป็นไปตามนโยบายที่ได้ประกาศออกมาด้วย ผู้ป่วยรายนี้ได้รับการปฏิบัติด้วยความโหดร้ายที่เกิดจากระบบและการปฏิบัติงานที่คุณหมอไม่ได้ใส่ใจผู้ป่วยเลยแม้แต่นิดเดียว” นายสิทธิพล กล่าว

รายงานแจ้งว่า ภายหลังจากที่รอแพทย์เพื่อทำการตรวจรักษาให้กับนายชูเกียรตินานร่วมหลายชั่วโมงโดยไม่มีทีท่าว่าจะทำการรักษาอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งอาการของนายชูเกียรติได้แย่ลงทุกขณะนั้น เจ้าหน้าที่โครงการผู้ป่วยข้างถนน มูลนิธิกระจกเงา จึงได้ทำการประสานต่อไปยังศูนย์ประชาบดี กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ให้มารับตัวผู้ป่วยเพื่อไปรักษายังที่อื่น ที่คนไข้น่าจะได้รับการรักษาต่อ ซึ่งเจ้าหน้าที่จากศูนย์ประชาบดีก็ได้จัดรถรับส่งมารับผู้ป่วยอย่างทันท่วงที

นายมงคล ศรีสังข์ นักสังคมสงเคราะห์จาก ศูนย์ประชาบดี กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์กล่าวหลังจากรับตัวนายชูเกียรติเพื่อทำการรักษาต่อว่า จากการประเมินอาการพบว่าอยู่ในขั้นแย่มากๆ จริงๆ ซึ่งทางศูนย์ประชาบดีจะนำไปพักผ่อนยังสถานแรกรับ เมื่อแข็งแรงดีแล้วและพอมีแรงไหวในตอนเช้าเราจะส่งไปรักษายังโรงพยาบาลของรัฐทันที ไม่น่าเป็นกังวลเรื่องการรักษาพยาบาล แต่ที่ตนสงสัยคือใบนัดก็เป็นของโรงพยาลที่นี่ และสิทธิการรักษา 30 บาทรักษาทุกโรคของผู้ป่วยของอยู่ที่นี่แต่ทำไมหมอถึงไม่รักษาผู้ป่วยรายนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานเจ้าหน้าที่จากศูนย์ประชาบดี และเจ้าหน้าที่จากโครงการผู้ป่วยข้างถนน มูลนิธิกระจกเงา ได้พยายามขอเวชระเบียนการรักษาคนไข้ของนายชูเกียรติเพื่อทำเรื่องขอย้ายไปรักษายังโรงพยาบาลอื่น แต่เจ้าหน้าที่กลับปฏิเสธว่าให้ไม่ได้ต้องทำเรื่องขออย่างน้อย 7 วันถึงจะได้เวชระเบียนการรักษาพยาบาลทั้งหมด เจ้าหน้าที่จากศูนย์ประชาบดี และเจ้าหน้าที่จากโครงการผู้ป่วยข้างถนนฯ จึงขอเวชระเบียนของการรักษาพยาบาลในวันนี้ ก็ได้รับคำตอบว่า ต้องรอแพทย์เจ้าของไข้ที่จะเข้าเวรตอนตี 3 จึงจะให้สรุปการรักษาพยาบาลให้ได้

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวได้เข้าไปขอเบอร์ติดต่อกับแพทย์เจ้าของไข้เพื่อจะสอบถามข้อเท็จจริง แต่เจ้าหน้าที่ปฏิเสธว่าไม่สามารถให้ได้ จะต้องติดต่อมายังโรงพยาบาลโดยตรงเท่านั้น

 

ที่มา: นสพ.แนวหน้า วันที่ 13 พฤษภาคม 2555

ดูข่าวที่เกี่ยวข้อง วิทยาให้รพ.รัฐ-เอกชนทุกแห่งดุแลผู้ป่วยฉุกเฉินเต็มความสามารถห้ามปฏิเสธการรักษา