ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

 

 

สพฉ.ระดมความคิดเห็นวางแผนเตรียมการยกระดับบริการการแพทย์ฉุกเฉิน ชี้ยุโรปพัฒนากว่าไทยมาก มีหมายเลขฉุกเฉินเดียว แจ้งเหตุได้ทุกกรณี แต่ของไทยมีเบอร์ฉุกเฉินกว่า 40 เบอร์ ยากต่อการจดจำ โดยสพฉ.จะพัฒนายกระดับให้เป็นเหมือนยุโรป สามารถแจ้งเหตุได้ทุกกรณี

ที่โรงแรมเอเชีย แอร์พอร์ต มีการประชุมเพื่อระดมความคิดเห็นในการจัดทำแผนหลักการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติฉบับที่2 ปี พ.ศ.2555-2559 โดยนพ.วิทยา ชาติบัญชาชัย คณะกรรมการการแพทย์ฉุกเฉินไทย กล่าวว่า การประชุมในครั้งนี้เป็นการวางแผนเพื่อเตรียมการยกระดับการให้บริการการแพทย์ฉุกเฉิน ซึ่งในประเทศยุโรปได้พัฒนาก้าวไกลไปกว่าประเทศไทยแล้วโดยได้มีการให้มีบริการหมายเลขฉุกเฉินเพียงเบอร์เดียว คือเบอร์ดังกล่าวสามารถแจ้งเหตุได้ทุกกรณี แต่ของไทยมีเบอร์ฉุกเฉินกว่า 40 เบอร์ ทำให้ยากต่อการจดจำ โดยสพฉ.จะพัฒนายกระดับให้เป็นเหมือนยุโรป สามารถแจ้งเหตุได้ทุกกรณี

นพ.วิทยา กล่าวต่อว่าอีกไม่กี่ปีข้างหน้าเหตุฉุกเฉินจะเกิดขึ้นอีกจำนวนมากจะไม่ได้มีเฉพาะเหตุการณ์น้ำท่วม แต่จะมีเหตุการณ์แผ่นดินไหว เขื่อนแตก การกัดเซาะชายฝั่งจนทำให้เกิดคลื่นขนาดยักษ์ เหตุการณ์ก่อการร้าย เป็นต้นดังนั้นการเตรียมการการแพทย์ฉุกเฉินนับจากนี้ต้องประเมินและเตรียมรับมือต่อเหตุการณ์เหล่า นี้ด้วย ซึ่งเราได้มีการเตรียมการในส่วนของเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ฉุกเฉินไว้แล้วกว่า1 หมื่นชุด มีการช่วยเหลือทั้งทางเฮลิคอปเตอร์กว่า 100 ลำ และมีรถกู้ชีพกว่าอีก 1 หมื่นคันเพื่อเตรียมรับมือภัยพิบัติเหล่านี้ ซึ่งจากสถิตินี้ที่ผ่านมามีคนไทยจำนวนมากที่สามารถรอดชีวิตจากการช่วยเหลือเบื้องต้นจากทีมการแพทย์ฉุกเฉินของเราไปแล้วกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจ

"อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์แล้วก็ยังถือการช่วยชีวิตยังน้อยอยู่เพราะมีผู้ประสบเหตุฉุกเฉิน เพียง 0.1 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่ได้รับการนำส่งด้วยรถกู้ชีพที่ได้มาตรฐาน นอกจากนั้นก็ถูกส่งต่อโดยไม่มีประสิทธิภาพ หรือไปเองตามบุญตามกรรม ดังนั้นสิ่งที่เราจะทำต่อไปคือเราจะต้องขยายระบบการแพทย์ฉุกเฉินให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ทุกจังหวัด ซึ่งในปัจจุบันภาคอีสานได้รับการบริการมากที่สุด ส่วนภาคที่ได้รับการบริการน้อยที่สุดคือภาคเหนือและภาคใต้และภาคกลางบางจังหวัดมีผู้คนที่อยู่พื้นที่ห่างไกลทุรกันดารต้องเดินเท้ามาหาหมอหรือต้องเหมารถมาโรงพยาบาลเพื่อรับบริการทางการแพทย์ ซึ่งฝันของเราคือให้ทุกคนได้รับการบริการอย่างเท่าเทียมโดยไมมีการเหลื่อมล้ำซึ่งเราจะผลักดันให้เกิดหน่วยกู้ชีพฉุกเฉินระดับตำบลให้ได้"นพ.วิทยากล่าว