ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

วันนี้(21 พฤษภาคม 2555) นายแพทย์สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เดินทางไปติดตามสถานการณ์โรคทริคิเนลโลซิส ที่เกิดจากการกินลาบหมูดิบและหลู้ดิบที่จ.น่าน และเยี่ยมผู้ป่วยที่พักรักษาตัวที่โรงพยาบาล(รพ.) สมเด็จพระยุพราชปัว จำนวน 2 ราย ในจำนวนมีอาการหนักอยู่ห้องไอซียู 1 ราย ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 เมษายน พ.ศ.2555 ที่หมู่บ้านนาคำ ต.ศิลาเพชร อ.ปัว จ.น่าน มีผู้ป่วยรวม 20 ราย ตาย 1 ราย ขณะนี้นอนรักษาตัวในโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชปัว 2 ราย 

นายแพทย์สุรวิทย์ กล่าวว่า มีความเป็นห่วงพฤติกรรมการกินอาหารของประชาชนโดยเฉพาะในภาคเหนือและอีสาน ซึ่งบางส่วนยังนิยมกินอาหารปรุงดิบหรือแบบสุกๆ ดิบๆ โดยเฉพาะเนื้อสัตว์ เช่นปลา เนื้อหมู และ เนื้อวัว หากเป็นหมู หรือวัว มักจะชำแหละกันเองในหมู่บ้าน และนำมากินดิบ หรือสุกๆ ดิบๆ เพราะมีความเชื่อว่าทำให้แข็งแรง มีรสชาติอร่อยกว่าเนื้อสุก และเชื่อว่าเครื่องปรุงต่างๆ เช่น พริก เกลือ น้ำมะนาว จะทำให้เชื้อโรคและตัวอ่อนพยาธิที่อยู่ในเนื้อหมูตาย ความเชื่อดังกล่าวเสี่ยงต่อการเกิดโรคและเสียชีวิตอย่างน้อย 4 โรค ได้แก่ 1.โรคมะเร็งท่อน้ำดี ซึ่งมีสาเหตุสำคัญจากโรคพยาธิใบไม้ตับ พบในผู้ที่กินเนื้อปลาน้ำจืด ปรุงดิบหรือดิบๆสุกๆ ตั้งแต่ปี 2550 จนถึงปัจจุบัน มีรายงานผู้เสียชีวิตจากโรคนี้ ปีละ 28,000 ราย เฉลี่ยวันละ 76 ราย 

ส่วนอีก 3 โรคพบในผู้ที่กินเนื้อหมู โดยเฉพาะหมูป่าและหมูบ้าน ที่ชำแหละกันเองในหมู่บ้าน ได้แก่ 1. โรคถุงพยาธิตืดหมูในสมอง 2.โรคไข้หูดับหรือโรคสเตรปโตคอคคัส ซูอิส(Streptococcus suis) และ3.โรคที่เพิ่งพบผู้ป่วยที่จ.น่านคือโรคทริคิเนลโลซิส(Trichinellosis) หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าไข้หมูป่า ซึ่งมีสาเหตุจากพยาธิตัวกลมในลำไส้ โรคนี้ในไทยมักเกิดจากการกินอาหารที่ทำจากเนื้อหมูป่าปรุงดิบ หรือสัตว์ป่าปรุงดิบ พบในแถบภาคเหนือและชายแดน ผู้ป่วยที่ติดเชื้อรุนแรงมากอาจเสียชีวิต เนื่องจากกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบและล้มเหลว ส่วนโรคไข้หูดับ เกิดจากการกินเนื้อหมูดิบหรือกินเลือดหมูดิบ หากรุนแรงจะทำให้เสียชีวิต หรือหากไม่เสียชีวิต ยังทำให้เกิดความพิการได้คือหูหนวกถาวรตลอดชีวิต หรือเป็นอัมพาตครึ่งซีก รายงานจนถึงปัจจุบัน พบผู้ป่วยโรคไข้หมูป่า 6,809 ราย เสียชีวิต 96 ราย ส่วนใหญ่อยู่ในภาคเหนือ ส่วนโรคไข้หูดับมีรายงานพบมากตั้งแต่เริ่มรายงานในปี 2530 ถึงปัจจุบัน พบป่วยมากกว่า 415 ราย เสียชีวิต 23 ราย 

นายแพทย์สุรวิทย์ กล่าวต่อว่า วิธีการที่ดีที่สุดจะทำให้ไม่ป่วยจากโรคที่กล่าวมา คือต้องกินอาหารที่ปรุงสุกด้วยความร้อนเท่านั้น ความร้อนจะฆ่าเชื้อโรคหรือพยาธิที่มีในเนื้อสัตว์ตาย ส่วนน้ำมะนาว หรือน้ำส้ม รวมทั้งการกินอาหารดิบๆสุกๆแกล้มกับเหล้า ไม่ทำเชื้อโรค ไข่พยาธิตายได้ วิธีสังเกตุว่าเนื้อสัตว์สุกแล้ว ขอให้ดูทึ่สีของเนื้อจะเปลี่ยนจากสีชมพู เป็นสีเทาทุกส่วน จึงจะถือว่าปลอดภัย และให้ยึดหลักปฏิบัติในชีวิตประจำวันง่ายๆ คือ กินร้อน ใช้ช้อนกลาง ล้างมือ ส่วนผู้ชำแหละหรือผู้สัมผัสเนื้อสัตว์ ควรสวมถุงมือป้องกันการติดเชื้อทุกครั้ง หากมีบาดแผลต้องปิดแผลให้มิดชิด หากมีอาการป่วย เช่น ปวดกล้ามเนื้อมากและกดเจ็บ หน้าบวม หนังตาบนบวม กลัวแสง มีไข้สูง ปวดศีรษะโดยเฉพาะหลังจากกินหมูดิบภายใน 3 วัน ให้รีบพบแพทย์ และต้องบอกประวัติการกินหมูดิบให้ทราบด้วย เพื่อการตรวจวินิจฉัยแยกโรคที่เป็นสาเหตุ ซึ่งต้องใช้การตรวจวิธีพิเศษเฉพาะทาง หากพบแพทย์เร็วและรักษาได้ทันท่วงที จะลดการเสียชีวิตและหูหนวกได้ 

ทั้งนี้ โรคไข้หูดับ ติดต่อได้ 2 ทาง คือ จากการกินหมูทั้งเนื้อ เครื่องใน เลือดดิบ และจากการสัมผัสเนื้อหมู เครื่องในและเลือดของหมูที่เป็นโรค หลังได้ติดเชื้อ 1-3 วัน จะมีอาการป่วย คือ มีไข้สูง ปวดศีรษะ อาเจียน บางรายชักกระตุก เป็นอัมพาต บางรายอาจมีเยื่อบุหัวใจ ปอดอักเสบ สายตาพร่ามัว มีโอกาสหูหนวกถาวร รายที่มีอาการรุนแรง อาจถึงขั้นเสียชีวิต เนื่องจากติดเชื้อในกระแสเลือด 

นายแพทย์สุรวิทย์ กล่าวว่า ส่วนโรคพยาธิทริคิเนลโลซิสหรือไข้หมูป่า เกิดจากการกินเนื้อหมูดิบและผลิตภัณฑ์จากเนื้อหมู และเนื้อวัว ที่มีตัวอ่อนพยาธิอยู่ ผู้ป่วยจะมีอาการปวดกล้ามเนื้อมากและกดเจ็บ หน้าบวม หนังตาบนบวม มีไข้ ตาขาวอักเสบกลัวแสง เหงื่อออกมาก หนาวสั่น อ่อนเพลียมาก ไม่มีแรง ในระยะเริ่มแรก อาจมีอาการถ่ายอุจจาระบ่อย ผู้ที่ติดเชื้อรุนแรงมาก อาจเสียชีวิต เนื่องจากกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบและล้มเหลว นอกจากนี้การใช้เนื้อหมูหรือเศษเนื้อหมูผสมกับอาหารอื่นเลี้ยงหมูเป็นๆ จะต้องปรุงให้สุกก่อนเช่นกัน เพื่อป้องกันการแพร่ของตัวอ่อนของพยาธิตัวกลมไปติดหมูเลี้ยง ได้ให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดในภาคเหนือและอีสาน เร่งประชาสัมพันธ์ย้ำเตือนประชาชนให้ถี่ขึ้น