ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

 

เปิบเห็ดไข่ห่านดับ 3 ศพ ชาวบ้านสบเมย จ.แม่ฮ่องสอน บุกป่าเก็บเห็ดพิษทำกินในครอบครัวช็อก หามส่งโรงพยาบาลนครพิงค์เชียงใหม่ แพทย์สุดยื้อดับอนาถ พบชาวเขาเป็นกลุ่มเสี่ยงเสียชีวิตยกครัว หมอเผยพิษไม่สามารถทำลายด้วยความร้อน กินเข้าไปทำตับวายตาย ยันไม่มียารักษา

จากกรณีชาวบ้านคอนผึ้ง ต.แม่คะตวน อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน เก็บเห็ดไข่ห่าน ไข่เหลือง ซึ่งเป็นเห็ดพิษ มากินจนเกิดอาการช็อกต้องหามส่งโรงพยาบาลนครพิงค์ จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 25 พ.ค. ที่ผ่านมาตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น เกี่ยวกับความคืบหน้าในเรื่องดังกล่าว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 26 พ.ค. แพทย์จากโรงพยาบาลนครพิงค์ แจ้งให้ญาติทราบว่าผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาอาการได้เสียชีวิตลงแล้ว ประกอบด้วยนางจันทรา ทองศรี นางส้ม ทองศรี และนางนิด ทองศรี ต่อมาทางญาติพี่น้องได้เดินทางไปรับศพทั้งหมดกลับมาดำเนินการตามประเพณีต่อไป ขณะเดียวกันผู้นำชุมชนในพื้นที่ได้ประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านงดเก็บเห็ดไข่ห่าน ไข่เหลือง มากินอย่างเด็ดขาด

นอกจากนี้ทีมแพทย์จากโรงพยาบาลสบเมย จ.แม่ฮ่องสอน ได้เข้าตรวจร่างกาย นางจิดอย สนิทแดนไพร แม่เฒ่ากะเหรี่ยงวัย 75 ปี ชาวบ้านป่าปงสูง หมู่ 1 ต.ป่าปง อ.สบเมย ที่เกิดอาการช็อก หลังทราบข่าวว่าสมาชิกในครอบครัวเสียชีวิตลง 5 ราย เนื่องจากกินเห็ดไข่ห่าน ไข่เหลืองเข้าไป

ขณะเดียวกัน นพ.วัฒนา กาญจนกามล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า สถานการณ์การกินเห็ดพิษในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ และ จ.ใกล้เคียง มีความรุนแรงขึ้นซึ่งในส่วนของจังหวัดเชียงใหม่นั้นคนกินเห็ดพิษ  20 กว่าราย เสียชีวิตไป 1 ราย เป็นชาย ซึ่งพักอาศัยอยู่ในเขตพื้นที่ อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ ส่วนผู้ป่วยจาก จ.แม่ฮ่องสอน ที่ถูกส่งตัวมารักษาที่โรงพยาบาลนครพิงค์  7 ราย เป็นเด็ก 4 ราย ผู้ใหญ่ 3 ราย ได้เสียชีวิตไป 5 ราย เป็นเด็ก 3 ราย ผู้ใหญ่ 2 ราย

นพ.วัฒนา กล่าวอีกว่า ส่วนการเสียชีวิตทุกครั้งของการกินเห็ดพิษมักจะพบในเรื่องของการเสียชีวิตเป็นกลุ่ม หรือเป็นครอบครัวโดยเฉพาะกลุ่มชาวเขา เพราะจะเข้าป่าไปหาเห็ดมารับประทานอาหารและกินเป็นครอบครัว ดังนั้นจึงถือว่ากลุ่มชาวเขาเป็นกลุ่มที่เสี่ยงมากที่สุด และเป็นกลุ่มที่เสียชีวิตมากที่สุดจากการกินเห็ดพิษด้วย  สำหรับเห็ดไข่ห่าน หรือบางที่เรียกว่าเห็ดระโงก หากยังอ่อนอยู่ก็จะกลมเหมือนไข่ห่าน ดอกจะไม่บาน ทำให้ดูยากว่าเป็นเห็ดพิษหรือไม่ ส่วนพิษที่ได้รับนั้นจะเข้าไปทำลายตับ ทำให้ตับวายแล้วเสียชีวิตเกือบทุกราย และพิษจากเห็ดนั้นไม่สามารถทำลายด้วยความร้อนได้ ปัจจุบันยังไม่มียาต้านหรือยารักษาออกมา มีเพียงยาที่ช่วยประคับประคองให้อาการดีขึ้นเท่านั้น

 

ที่มา : นสพ.เดลินิวส์ 28 พ.ค. 2555 (กรอบบ่าย)