ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

 

นสพ.เดลินิวส์ 28 พ.ค. 55-สองผัวเมียโร่ร้องขอความเป็นธรรม "ปวีณา หงสกุล" อ้าง รพ.ชุ่ยทำลูกที่เพิ่งคลอด 14 ชม. ขาดออกซิเจนเสียชีวิต ขณะพยาบาลวิ่งหาถังออกซิเจนทั่ว รพ. แต่ไม่มีในสต๊อก เผยไปฝากครรภ์ที่ รพ.ของรัฐ ก่อนถูกส่งตัวมาที่ รพ.เอกชน ใน จ.นนทบุรี อ้างตู้อบไม่พอ แต่กลับหนีเสือปะจระเข้ รพ.ใหม่ ทำคลอดลูกให้ตั้งแต่ 7 เดือน น้ำหนักแค่ 1.9 กก.แถมดูแลไม่ดี ตู้อบไม่พร้อม ประธานมูลนิธิฯ เตรียมพาพ่อแม่เด็กเข้าพบ สธ.

เรื่องสลดดังกล่าวถูกเปิดเผยเมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 27 พ.ค.ที่โรงเรียนปวีณาหงสกุลการบริบาล ถนนสุขาภิบาล 5 ซอย 75 แขวงออเงิน เขตสายไหม นายวรยุทธ์ ถาวรพร อายุ40 ปี อาชีพ ขี่จยย.รับจ้างพร้อมน.ส.ผุสชา แย้มศรี อายุ 24 ปี สองสามีภรรยา พร้อมหลักฐานประวัติการรักษา บันทึกประจำวัน หนังสือรับรองการตายของ ด.ช.ทิวากร ถาวรพร บุตรชาย ที่ระบุสาเหตุการตายเนื่องจากหัวใจล้มเหลว เข้าร้องเรียนต่อนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี เพื่อขอความช่วยเหลือ หลัง น.ส.ผุสชา ซึ่งตั้งครรภ์ได้ 7 เดือนเศษเข้าตรวจครรภ์ตามปกติที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง แต่แพทย์ให้ยาเร่งคลอด และไม่มีออกซิเจนทำให้ลูกชายที่เพิ่งคลอดได้เพียง 14 ชั่วโมงต้องเสียชีวิต

นายวรยุทธ์ กล่าวว่าหลังจากภรรยาตั้งครรภ์ลูกคนแรก ได้พาภรรยาไปฝากครรภ์ที่รพ.ของรัฐแห่งหนึ่ง โดยใช้สิทธิบัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้า ต่อมาวันที่ 9 พ.ค.ทางรพ.แจ้งว่าภรรยาตนน่าจะคลอดก่อนกำหนด เด็กจะตัวเล็ก และมีน้ำหนักน้อยซึ่งควรจะต้องอยู่ตู้อบ แต่เนื่องจาก รพ.มีคนไข้เป็นจำนวนมากเกรงว่าตู้อบจะไม่เพียงพอ จึงต้องส่งตัวต่อไปที่รพ.เอกชนแห่งหนึ่งใน จ.นนทบุรี ในวันเดียวกันนั้น เมื่อไปที่รพ.เอกชนดังกล่าว ได้มีการนัดพบแพทย์อย่างต่อเนื่อง จนเมื่อวันที่ 19 พ.ค.ไปพบแพทย์ แพทย์ต้องฉีดยาเร่งคลอดเมื่อเด็กออกมาน้ำหนักน้อย ก็ไม่นำเข้าตู้อบจนลูกชายต้องขาดออกซิเจนเสียชีวิต

ด้านน.ส.ผุสชา แม่ที่เพิ่งเสียลูกไปกล่าวทั้งน้ำตาว่า เมื่อวันที่ 19 พ.ค.มีอาการปวดท้องจึงไปพบแพทย์วันที่ 19 พ.ค.หมอได้ใช้มือล้วงเข้าไปในช่องคลอดจนมีเลือดออก และบอกว่าเด็กจะคลอดแล้วทั้ง ๆ ที่ท้องได้เพียง 7 เดือน จากนั้นก็นอนพักที่รพ.จนช่วงเย็นได้คลอดลูกชายออกมาตามธรรมชาติ มีน้ำหนักเพียง 1.9 กิโลกรัม หมอบอกว่าเด็กแข็งแรงดี หลังจากกลับมาห้องพักฟื้น พยาบาลได้พาลูกที่ใส่หน้ากากมีสายออกซิเจนใส่รถเข็น และมีถังออกซิเจนอยู่ด้วย สังเกตเห็นลูกมีอาการสะอึกตลอดเวลา พยาบาลยังบอกอีกว่าถ้าเอาลูกออกมาให้นมต้องปิดวาล์วถังออกซิเจนด้วยเพราะใกล้จะหมด เมื่อสอบถามหมอที่ทำคลอดว่าจะต้องนำเด็กเข้าตู้อบหรือไม่ ก็บ่ายเบี่ยง บอกว่าต้องไปถามหมอสูตินรีเวช แต่พอถามมาก ๆ หมอก็บอกว่าต้องไปดูก่อนว่าตู้อบเสียหรือไม่พอ  ตนให้นมลูกครั้งสุดท้ายตอนเที่ยงคืน แล้วก็เปิดออกซิเจนไว้เหมือนเดิม จนกระทั่งใกล้เช้าก็มองดูลูกเห็นว่าที่แขนมีรอยเขียวช้ำจึงร้องเรียกพยาบาลให้มาดู ปรากฏว่าลูกมีอาการแย่แล้ว

"เมื่อหมอมาดูก็รีบสั่งให้พยาบาลไปหาออกซิเจนมาเปลี่ยนแทนถังเก่า แต่ทั้งรพ.กลับไม่มีออกซิเจนเลยจนโกลาหล จนลูกหนูหยุดหายใจ หมอกับพยาบาลก็ช่วยปั๊มหัวใจขึ้นมา จนถึงตอนนั้นทางรพ.ก็ยังหาออกซิเจนมาไม่ได้ สักพักลูกก็หยุดหายใจอีก แต่คราวนี้ปั๊มหัวใจไม่ขึ้นแล้ว หมอได้มาบอกให้พ่อกับแม่ทำใจ และย้ายหนูจากห้องธรรมดาไปอยู่ห้องพิเศษ พยายามถามว่าต้องการให้ทางรพ.ช่วยอะไรบ้าง หนูกับสามีเสียใจมากที่ต้องสูญเสียลูกคนแรกและยังทำใจไม่ได้ ทำไมรพ.ของรัฐต้องส่งตัวหนูมาที่นี่ แต่ลูกกลับต้องมาตาย อยากให้คุณปวีณาช่วยเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับลูกชาย และไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับใครอีก"

ด้านนางปวีณากล่าวว่า รู้สึกเสียใจแทนพ่อแม่เด็กซึ่งเรื่องนี้ไม่น่าเกิดขึ้น จะต้องมีการตรวจสอบหาสาเหตุการตายว่ามาจากอะไร สงสัยว่าเด็กที่คลอดก่อนกำหนดเพียงแค่ 7 เดือนจะต้องมีการเข้าตู้อบ อยากทราบว่ารพ.นี้มีหรือไม่ และการขาดออกซิเจนเป็นสาเหตุการตายหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ตนได้ประสานงานกับนพ.สมชัย ภิญโญพรพาณิชย์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และว่าที่ รต.ธรกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการที่ปรึกษา รมว.สาธารณสุขแล้ว และจะพาพ่อและแม่เด็กไปพบในวันที่ 28 พ.ค.นี้ เวลา 11.00 น.