ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

 

เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม รศ.สุวัฒน์ จริยาเลิศศักดิ์ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สุขภาพ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวในการสัมมนา MSM/TG ระดับชาติ ครั้งที่ 1 หัวข้อ "การยอมรับ เข้าใจ ไม่มีการติดเชื้อใหม่ในชาย ที่มีเพศสัมพันธ์กับชายและสาวประเภท สอง" ว่า จากข้อมูลการสำรวจพบว่า กลุ่มชายรักชายจะพบอัตราความชุก ของการติดเชื้อเอชไอวีสูงกว่าประชากรทั่วไป 10 เท่า ซึ่งคนที่เป็นฝ่ายรับจะมีอัตราการเสี่ยงมากกว่าคนที่เป็นฝ่ายรุก จึงอยากให้กลุ่มชายรักชายและ สาวประเภทสองเข้ารับการตรวจหาเชื้อให้บ่อยขึ้น เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่เชื้อ และว่าในช่วง 1 ปี มีการศึกษา ที่มุ่งแนวทางป้องกันมากขึ้น โดยมีการ ศึกษายาต้านไวรัสเอชไอวีที่ให้ประสิทธิผลในแง่ของการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ เรียกว่า วิธีเป็ป (PREP) ซึ่งยาดังกล่าว ต้องกินทุกวันต่อเนื่องหลายปี แต่ในประเทศไทยยังไม่มีการใช้วิธีดังกล่าวอย่างแพร่หลาย เนื่องจากอยู่ระหว่างศึกษา วิจัยเฉพาะกลุ่ม

นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า การศึกษายา ต้านไวรัสเอชไอวีที่พัฒนาให้เป็นยาป้องกันการติดเชื้อ เป็นการศึกษาร่วมระหว่างหลายประเทศ ได้แก่ ไทย สหรัฐ และอื่นๆ โดยผลการศึกษาเบื้องต้นได้เจาะเลือดทดสอบในอาสาสมัครคู่สามีภรรยา

"สามีติดเชื้อแต่ภรรยาไม่ติด ให้สามี รับยาต้านไวรัสเป็นประจำต่อเนื่องหลายปี พบว่า สามารถป้องกันการแพร่เชื้อไปยังภรรยาได้ ร้อยละ 80 แต่ผลการศึกษานี้ ยังไม่เต็มร้อย ดังนั้น จึงต้องมีการใช้ ถุงยางอนามัยร่วมด้วย สรุปคือ งานวิจัย ดังกล่าวยังไม่ชี้ชัดว่าป้องกันได้เต็มร้อย จึงยังไม่ควรนำมาใช้เพื่อป้องกันในขณะนี้ และต้องมีการศึกษาวิจัยเพิ่ม ซึ่งกรมควบคุมโรคจะร่วมกับสภากาชาดไทยทำการศึกษาเรื่องนี้ต่อไป เบื้องต้นอยู่ระหว่างเตรียมการ เนื่องจากต้องมีเรื่องงบประมาณ วิธีการศึกษา และความเป็นไปได้ในการนำมาใช้จริงในสังคมไทย" นพ.สมศักดิ์กล่าว

ที่มา : นสพ.มติชน 30 พ.ค. 55