ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

 

วันนี้ (31 พ.ค.2555) เวลา 15.00 น. นางออง ซาน ซูจี สมาชิสภาผู้แทนราษฎรและผู้นำฝ่ายค้านของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ เข้าพบ ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารแรงงานต่างด้าวและหลบหนีเข้าเมือง (กบร.) ณ ห้องสีฟ้า ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เพื่อหารือเกี่ยวกับการดูแลแรงงานชาวเมียนมาร์ในไทย หากจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายจะได้รับค่าแรง 300 บ. และสิทธิ 30 บ.รักษาทุกโรค

ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวยินดีเนื่องในโอกาสที่นางออง ซาน ซูจี ได้เดินทางมาเข้าร่วมงาน World Economic Forum on East Asia ในประเทศไทย รวมทั้งแสดงความยินดีที่มีแรงงานชาวเมียนมาร์ที่อ.มหาชัย จ.สมุทรสาคร ไปร่วมต้อนรับการเดินทางมาเยือนไทยของนางซูจีเป็นจำนวนมาก ซึ่งทางรองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่ารัฐบาลไทยเห็นความสำคัญของแรงงานชาวเมียนมาร์ ซึ่งเป็นที่ต้องการของผู้ประกอบการไทย ในฐานะที่เป็นกำลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยรองนายกรัฐมนตรีเฉลิม อยู่บำรุง ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารแรงงานต่างด้าวและหลบหนีเข้าเมือง (กบร.) ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับแรงงานชาวเมียนมาร์ ซึ่งขณะนี้รัฐบาลกำลังเร่งรัดให้มีการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวที่อยู่ในประเทศไทยอย่างผิดกฏหมาย ให้สามารถทำงานอยู่ในประเทศไทยอย่างถูกต้อง ด้วยการเข้าสู่กระบวนการพิสูจน์สัญชาติ และการขอรับการตรวจลงตราให้สามารถทำงานในประเทศไทยอย่างถูกกฏหมาย นอกจากนี้จะได้มีการพิจารณาอนุญาตให้แรงงานชาวเมียนมาร์สามารถเดินทางเข้ามาทำงานในไทย ในลักษณะไปเช้าเย็นกลับตามบริเวณชายแดน

ในโอกาสนี้ รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่าได้รับนโยบายจากนายกรัฐมนตรีให้กำกับดูแลเรื่องสวัสดิการของแรงงานชาวเมียนมาร์ หากเข้ารับการพิสูจน์สัญชาติและจดทะเบียนเป็นแรงงานต่างด้าวที่ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว จะสามารถรับค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท และสวัสดิการ 30 บาทรักษาทุกโรคได้เช่นเดียวกับแรงงานไทย นอกจากนี้ รัฐบาลจะได้เร่งให้ความช่วยเหลือเพื่อการพัฒนาและด้านมนุษยธรรมแก่ชาวเมียนมาร์ ทั้งการมอบทุนการศึกษา และการฝึกอบรมเพื่อพัฒนาบุคลากรด้านการเกษตร การศึกษา และสาธารณสุข

นอกจากนี้ นางออง ซาน ซูจี ได้ขอให้ฝ่ายไทยดูแลแรงงานเมียนมาร์ที่ทำงานในไทย ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีกล่าวยืนยันว่ารัฐบาลไทย และพร้อมร่วมมือกับนางซูจีในการดูแลแรงงานชาวเมียนมาร์ตามสิทธิขั้นพื้นฐานที่แรงงานพึงได้รับ อาทิ ค่าจ้าง การรักษาพยาบาล และการศึกษาของบุตร

รองนายกรัฐมนตรีได้ยืนยันการให้ความสำคัญในการดูแลผู้หนีภัยจากประเทศเมียนมาร์ที่อาศัยอยู่ในศูนย์พักพิงผู้ลี้ภัย เนื่องมาจากสถานการณ์ความไม่สงบทางการเมืองและสภาวะทางเศรษฐกิจตกต่ำในเมียนมาร์ โดยจะให้การดูแลกลุ่มชาวเมียนมาร์ดังกล่าวตามหลักสิทธิมนุษยชน ภายใต้มาตรฐานของข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNSCR) จนกว่ากลุ่มผู้ลี้ภัยจะมีความพร้อมทั้งด้านการศึกษาและการอาชีพและสามารถเดินทางกลับประเทศได้อย่างภาคภูมิ

เรื่องที่เกี่ยวข้อง