ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

 

กรุงเทพธุรกิจ 1 มิ.ย.55-ดีเอสไอ เตรียมออกกดหมายจับตัวการใหญ่สั่งรวบรวมยาแก้หวัดผลิตยาบ้า ประเดิมเรียกผอ.รพ.ทองแสนขันเข้ารับทราบข้อหา คดีซูโดฯ พร้อมขอศาลออกหมายจับตัวการใหญ่สั่งรวบรวมยาแก้หวัดส่งผลิตยาบ้า ส่วนกรณีนำสำแดงเท็จนำเข้าจากไต้หวัน เกาหลี คาดไม่เกิน 2 วันขอหมายจับ

นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวถึงความคืบหน้าการสอบสวนคดีลักลอบนำยาแก้หวัดสูตรซูโดอีเฟดรีนออกจากระบบโรงพยาบาลว่า พ.ต.ท.พงษ์อินทร์ อินทรขาว ผู้บัญชาการสำนักคดีความมั่นคง ได้ทยอยออกหมายเรียกผู้อำนวยการโรงพยาบาล หัวหน้าคลังยา และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลที่เกี่ยวข้องกับการนำยาแก้หวัดออกจากโรงพยาบาลมารับทราบข้อกล่าวหา โดยเริ่มต้นที่ นพ.สาโรจน์ ใจมุข ผู้อำนวยการโรงพยาบาลทองแสนขัน จ.อุตรดิตถ์ ซึ่งในส่วนเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลถือเป็นข้าราชการไม่จำเป็นต้องออกหมายจับเพราะมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง

ดีเอสไอจึงใช้วิธีออกหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหา ยกเว้นรายที่ไม่มาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียกจึงจะขออนุมัติศาลออกหมายจับ ตัวการรายใหญ่ที่เป็นผู้ส่งสายไปรวบรวมยาจากโรงพยาบาลต่างๆ เพื่อส่งไปผลิตเป็นยาเสพติดตามตะเข็บชายแดน พนักงานสอบสวนได้นำหลักฐานไปขออนุมัติหมายจับจากศาลในช่วงบ่ายวานนี้ (31 พ.ค.) แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยชื่อผู้ต้องหาได้ เนื่องจากอาจไหวตัวหลบหนีโดยระหว่างนี้ดีเอสไอได้ส่งเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสะกดรอยตามประกบตัวและเฝ้าติดตามพฤติกรรมอย่างใกล้ชิด

ความคืบหน้าในคดีการลักลอบนำเข้ายาแก้หวัดจากต่างประเทศนั้น นายธาริต กล่าวว่า ภายใน 1-2 วันนี้ ดีเอสไอจะนำหลักฐานไปยื่นต่อศาลเพื่อให้ศาลอนุมัติหมายจับตัวการคนไทยรายสำคัญ ที่เป็นผู้ทำเอกสารปลอมในการสั่งนำเข้าซูโดฯโดยไม่ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ส่วนการดำเนินการระหว่างประเทศ ขณะนี้เจ้าหน้าที่ อย.และตำรวจของประเทศเกาหลีและไต้หวันกำลังเร่งสอบสวนข้อเท็จจริงในส่วนที่เป็นการกระทำผิดกรณีสำแดงเท็จในประเทศเกาหลีและไต้หวัน โดยดีเอสไอจะชุดสอบสวนไปร่วมปฏิบัติงานกับทางการประเทศเกาหลีและไต้หวันด้วย

ด้าน พ.ต.ท.พงษ์อินทร์ กล่าวว่า พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหานพ.สาโรจน์ กระทำความผิดตามมาตรา 157 ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โดยพนักงานสอบสวนจะส่งสำนวนให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการไต่สวนต่อไป

ส่วน นพ.สาโรจน์ พนักงานสอบสวนมีพยานหลักฐานชัดเจนว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการซื้อยาให้กับคนนอกโดยร่วมกับนายธีรพงษ์ เอี่ยมอ่อน เภสัชกรระดับ 7 ประจำโรงพยาบาลทองแสนขัน ที่ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาความผิดตามมาตรา 157 ไปก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ดีเอสไออยู่ระหว่างการพิจารณาพยานหลักฐานกลุ่มบุคคลที่เข้าข่ายกระทำผิดเพื่อเรียกเข้ามารับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติม

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา นพ.โสภณ เมฆธน รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบรายงานการดำเนินการทางวินัย กรณีการจัดซื้อยาสูตรผสมซูโดอีเฟดรีน กล่าวว่า ขณะนี้ ยังไม่ได้ข้อสรุป ว่า ใครมีความผิดอย่างไรบ้าง

เนื่องจากยังต้องรอเอกสารชี้แจงข้อกล่าวหาก่อน ซึ่งหลายโรงพยาบาลจะส่งให้ภายในสิ้นเดือนพ.ค. นี้ มีเพียงโรงพยาบาลทองแสนขัน จังหวัดอุตรดิตถ์ ที่ส่งเอกสารชี้แจงมาและอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการ เบื้องต้นพบว่าผู้อำนวยการโรงพยาบาลดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องกับเภสัชกรประจำห้องยา

ดังนั้น จึงต้องสอบสวนเพิ่มเติมต่อไป ว่าจะผิดวินัยร้ายแรงด้วยหรือไม่ ต้องดูความสัมพันธ์ของทั้งคู่อีกครั้ง คาดว่าน่าจะได้ผลสอบภายในสัปดาห์หน้า ส่วนผลสอบวินัยรายอื่นๆ คาดว่าน่าจะแล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนมิ.ย. นี้

การตั้งวินัยร้ายแรงหรือไม่ร้ายแรงนั้น พอสอบสวนจริงๆ อาจจะไม่ได้ออกมาเหมือนอย่างที่เราตั้งเอาไว้ก็ได้ คนที่เคยตั้งสอบวินัยร้ายแรงอาจจะไม่ได้ผิดร้ายแรง หรือคนที่ตั้งสอบไม่ร้ายแรงก็อาจจะผิดร้ายแรง ซึ่งเราต้องดูเป็นกรณีๆ ไป นพ.โสภณ กล่าว