ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

 

เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน นายธาริต เพ็งดิษฐ์อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการสอบสวนคดีการนำเข้าซูโดอีเฟดรีนจากประเทศเกาหลีและไต้หวันว่า ในวันที่ 5 มิถุนายน พนักงานสอบสวนจะประชุมร่วมกับพนักงานอัยการเพื่อพิจารณาขออนุมัติหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้องกับขบวนการลักลอบนำเข้ายาแก้หวัดสูตรซูโดอีเฟรดรีน บุคคลดังกล่าวเป็นตัวการสำคัญในการรวบรวมยาแก้หวัดซูโดอีเฟดรีนที่ส่งมาจากต่างประเทศ ตั้งแต่เริ่มต้นและนำไปส่งให้ขบวนการผลิตยาเสพติดตามแนวชายแดนไทย

นายธาริตกล่าวว่า จากการตรวจสอบเอกสารการนำสินค้าออกจากด่านศุลกากรพบว่าเอกสารที่มีการแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ศุลกากรเป็นการใช้สำเนาบัตรประชาชน ทะเบียนบ้านของชิปปิ้งบางรายที่เคยติดต่อกับศุลกากรในกรณีอื่น ซึ่งพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำรายชื่อบุคคลที่ปรากฏในเอกสารยื่นเรื่องขอสินค้า ส่วนใหญ่ไม่รู้เรื่องและไม่เกี่ยวข้องกระทั่งทราบว่ามีบุคคลหนึ่งเป็นตัวการนำสำเนาเอกสารไปยื่นจึงเรียกตัวมาสอบสวนขยายผลจนทราบว่ามีตัวการใหญ่อยู่เบื้องหลัง

นายธาริต กล่าวว่า ทราบว่าบุคคลดังกล่าวประกอบอาชีพหลักรับจ้างลักลอบนำสิ่งของต้องห้ามเข้าประเทศไทยทุกอย่าง ผ่านช่องทางขนส่งท่าอากาศยานและท่าเรือ เป็นที่รู้จักในวงการชิปปิ้งผี มีลูกน้องในเครือข่ายจำนวนหนึ่ง และพบข้อมูลว่าบุคคลดังกล่าวจะนำเงินที่ได้จากการรับจ้างนำเข้าสินค้าต้องห้าม ไปลงทุนทำธุรกิจรีสอร์ต และเปิดร้านอาหารลักษณะคล้ายกับฟอกเงิน
"สำหรับค่าตอบแทนการดำเนินการทั้งระบบยังไม่ทราบตัวเลขแท้จริง แต่ทราบว่าตัวบุคคลที่ทำหน้าที่ชิปปิ้งยื่นเอกสาร เพื่อนำสินค้าออกจากศุลกากร ได้ค่าตอบแทนเกือบ400,000 บาทต่อ 1 รายการ คิดราคาตามน้ำหนักในการขนส่งที่ปรากฏบนใบแอร์เวย์บิลกิโลกรัมละ 220 บาท การนำเข้าซูโดอีเฟดรีนแต่ละครั้งจะมีน้ำหนัก 1,800-2,000 กิโลกรัม"นายธาริตกล่าว

ที่มา : นสพ.มติชน 5 มิ.ย.55