ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

 

วันนี้ (15 มิถุนายน 2555) นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดรณรงค์โรคไข้เลือดออก เนื่องในวันไข้เลือดออกอาเซียน  (ASEAN  Dengue  Day)  ซึ่งตรงกับวันที่  15  มิถุนายน ทุกปี พร้อมกัน  10  ประเทศ ได้แก่ไทย มาเลเซีย เวียดนาม พม่า กัมพูชา ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ลาว สิงคโปร์และบรูไน ซึ่งปีนี้ประเทศไทย จัดที่ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ อ.บางไทร  จ.พระนครศรีอยุธยา  จัดโดยกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  รณรงค์ส่งเสริมองค์กรทุกภาคส่วน ร่วมมือป้องกันโรคไข้เลือดออกพร้อมกันทุกจังหวัด      

นายวิทยา กล่าวว่า โรคไข้เลือดออกเป็นปัญหาสาธารณสุขในกลุ่มประเทศอาเซียน เกิดจากยุงลาย แต่ละปีพบผู้ป่วยไม่ต่ำกว่าปีละ 200,000 ราย โดย  6  เดือนแรกปีนี้ มีรายงานผู้ป่วยใน 7 ประเทศสมาชิกได้แก่ ไทย กัมพูชา ลาว มาเลเชีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์และเวียดนามรวม  69,213 ราย ตาย  57 ราย ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียนในปี  2553 ได้ให้ความสำคัญและกำหนดให้ วันที่  15 มิถุนายนทุกปี เป็นวันไข้เลือดออกอาเซียน  เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนในประเทศตระหนักในการป้องกันโรคและร่วมกันแก้ปัญหา ปีนี้นับเป็นปีที่  2  กำหนดคำขวัญรณรงค์ คือ “เก็บให้เกลี้ยง ไม่เลี้ยงยุงลาย”หรือบิ๊กคลีนนิ่งเดย์ ( Big Cleaning Day) ลดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายให้เหลือน้อยที่สุด ซึ่งขณะนี้เป็นช่วงฤดูฝน  เป็นฤดูการระบาดของโรค มีแหล่งน้ำขัง ยุงลายสามารถวางไข่ได้มากกว่าฤดูกาลอื่น

นายวิทยา กล่าวต่อว่า ในส่วนของไทย กระทรวงสาธารณสุข เร่งควบคุมโรคไข้เลือดออกอย่างจริงจัง และต่อเนื่องตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี เพื่อลดจำนวนผู้ป่วยและเสียชีวิตให้ได้มากที่สุด ซึ่งช่วงฤดูฝนเป็นช่วงขาขึ้นของโรคนี้    เน้นหนักทำลายยุงไม่ให้เป็นพาหะแพร่เชื้อไปสู่คนอื่น โดยกำจัดลูกน้ำยุงตัวอ่อนและยุงตัวเต็มวัย ได้กำชับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ ให้เร่งรัดมาตรการปราบยุงลาย  5 ป. ได้แก่  ปิดฝาตุ่มน้ำ  เปลี่ยนน้ำในภาชนะทุก  7 วัน  ปล่อยปลากินลูกน้ำ ปรับปรุงสภาพแวดล้อมและปฎิบัติเป็นประจำ และขอความร่วมมือภาคีเครือข่ายสุขภาพทั้งภาครัฐและเอกชน อาสาสมัครสาธารณสุข และประชาชน ช่วยกันดำเนินการอย่างพร้อมเพียงกันและถูกวิธี

ทางด้านนายแพทย์พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าวว่า สถานการณ์โรคไข้เลือดออกในกลุ่มประเทศอาเซียนปีนี้ ตั้งแต่วันที่ 1มกราคม-13 มิถุนายน 2555  ประเทศมีรายงานผู้ป่วยมากที่สุดคือฟิลิปปินส์  28,163  ราย รองลงมาไทย  14,045 ราย ตาย  9 ราย  มาเลเชีย  10,352 ราย  ตาย  20 ราย เวียดนาม  10,296  ราย ตาย  7  ราย กัมพูชา  4,050  ราย  ตาย  18  ราย  สิงคโปร์ 1,529 ราย  และลาว  778  ราย  ตาย  3 ราย ส่วนใหญ่เกิดในเด็ก เชื้อมี  4 สายพันธุ์ ซึ่งสายพันธุ์ที่ระบาดแต่ละประเทศจะไม่เหมือนกัน ดังนั้นตลอดช่วงชีวิตของประชาชนทุกคน จะมีโอกาสป่วยด้วยโรคไข้เลือดออกได้ถึง  4 ครั้ง ไม่ซ้ำสายพันธุ์ องค์การอนามัยโลกหรือฮู (WHO) ระบุว่าปีนี้ไข้เลือดออกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทั่วโลก มีประชากรเสี่ยงติดเชื้อ  2,500 ล้านคน คาดจะมีผู้ป่วยโรคไข้เลือดปีละ 50-100 ล้านคน

ทั้งนี้ โรคไข้เลือดออกพบได้ทุกวัย ส่วนใหญ่จะพบวัยเด็กอายุต่ำกว่า  12 ปี อาการเด่นของโรคไข้เลือดออก คือจะมีไข้สูงเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน และไข้สูงติดต่อกัน 2  ถึง  7 วันปวดศีรษะเบื่ออาหาร อาเจียนส่วนใหญ่จะไม่ไอ ไม่มีน้ำมูกไหล ขอให้ประชาชนสังเกตลักษณะไข้ หากกินยาลดไข้ประเภทพาราเซตามอลแล้วหรือเช็ดตัวลดไข้แล้วไข้ไม่ลงใน  2 วัน ขอให้นึกถึงโรคไข้เลือดออก ให้พาไปพบแพทย์โดยเร็วเพื่อดูแลรักษาอย่างถูกต้อง ป้องกันอาการช็อคซึ่งอาจทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้ โดยในปีนี้กระทรวงสาธารณสุขได้กำชับให้แพทย์เข้มงวดในการวินิจฉัย รักษาผู้ป่วย และหากพบผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกในพื้นที่ ให้ส่งทีมสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็ว ซึ่งมีประมาณ 1,200 ทีม เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดทันที กลุ่มที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษคือกลุ่มเด็กเล็ก ทั้งในศูนย์เด็กเล็กก่อนวัยเรียนและอนุบาล เนื่องจากยุงลายจะกัดในเวลากลางวัน เมื่อให้เด็กนอนพักผ่อนในช่วงเวลากลางวัน ควรกางมุ้งด้วยทุกครั้ง และต้องกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลายในบริเวณใกล้เคียงอย่างต่อเนื่องเช่นปิดฝาภาชนะกักเก็บน้ำทุกชนิดเปลี่ยนน้ำในกระถางรองทุกๆ  7 วัน ปล่อยปลากินลูกน้ำหรือใส่ทรายกำจัดลูกน้ำยุงลายในภาชนะกักเก็บน้ำเป็นต้น

สำหรับกิจกรรมในวันนี้ ประกอบด้วยการจัดนิทรรศการความรู้เรื่องไข้เลือดออก ประกวดวาดภาพระบายสี “บ้านเพาะรัก ไม่เพาะยุง” การประกวดคลิป “เก็บให้เกลี้ยง ไม่เลี้ยงยุงลาย” แจกพันธุ์ปลาหางนกยูง แจกทรายกำจัดลูกน้ำ ยาทากันยุง การปล่อยคาราวานบิ๊กคลีนนิ่งเดย์ การรณรงค์กำจัดลูกน้ำยุงลายและทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุง โดยได้รับความร่วมมือจากแกนนำชุมชน นักเรียน อาสาสมัครสาธารณสุขและภาคประชาชน โดยในวันนี้มีการรณรงค์พร้อมกันทั่วประเทศ