ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ได้อย่างไม่เสียอย่างสัปดาห์นี้ขอเกาะกระแสโอลิมปิกกับเขาด้วยคนครับ อันเนื่องมาจากข่าวเล็กๆ บนหน้าหนังสือพิมพ์หลายฉบับได้พูดถึงการแจกถุงยางอนามัยให้นักกีฬาที่เข้าร่วมแข่งขันโอลิมปิกของอังกฤษประเทศเจ้าภาพ โดยนักกีฬาหนึ่งคนจะได้รับแจกถุงยาง 15 ชิ้น คำนวณกันว่าอาจจะต้องใช้ถุงยางถึง 150,000 ชิ้นกันเลยทีเดียวสำหรับโอลิมปิกคราวนี้

ในมุมคนทำงานเรื่องเพศเรื่องเอดส์ผมปรบมือให้เลยครับเพราะเท่ากับว่าเจ้าภาพสามารถมองสถานการณ์ได้ทะลุว่าคนหนุ่มคนสาวจำนวนมากมาอยู่ด้วยกันเป็นเวลาแรมเดือนธรรมชาติก็ย่อมมีปิ๊งปั๊งกันบ้างเป็นของธรรมดาและหากจะมีเพศสัมพันธ์กันการป้องกันก็เป็นเรื่องสำคัญเพราะจะช่วยป้องกันทั้งเรื่องท้องและเรื่องโรคโดยเฉพาะเอชไอวีซึ่งเราไม่อาจดูออกว่าใครบ้างเป็นผู้ติดเชื้อ

นักกีฬาแข็งแรงๆ นี่ล่ะครับก็อาจมีเชื้อเอชไอวีได้ก็อย่างกรณีของเมจิก จอห์นสัน นักบาสเกตบอลชื่อดังที่ออกมาประกาศว่าตนเองเป็นผู้ติดเชื้อไงครับและผมมองว่าอังกฤษเองก็คงเข้าใจสถานการณ์ดังกล่าวจึงหาวิธีที่จะให้นักกีฬาเข้าถึงถุงยางได้ง่าย ก็แจกเป็นรายตัวเลยครับ ง่ายดี...ส่วนใครจะใช้หรือไม่ได้ใช้ก็เป็นเรื่องเฉพาะบุคคล

การเข้าถึงอุปกรณ์ป้องกันเป็นเรื่องจำเป็นและสำคัญอย่างยิ่งกับทุกกลุ่มคนแต่จากการทำงานที่ผ่านมาพบว่าในประเทศเรานั้น ถุงยาง "เข้าถึงยาก" จริงๆ

ความยากประการแรกคือเรื่องทัศนคติที่มีต่อถุงยาง หลายคนไม่กล้าซื้อไม่กล้าพกเพราะกลัวจะถูกมองว่าเป็นคนไม่ดี ยิ่งเป็นผู้หญิงด้วยแล้วก็ยิ่งยากเพราะถูกสอนมาให้รักนวลสงวนตัวน้องผู้หญิงคนหนึ่งเคยบอกว่าการพกถุงยางติดตัวไว้มันเหมือนจะเตรียมพร้อมมีเพศสัมพันธ์เลยไม่กล้าพกเช่นเดียวกับวัยรุ่นซึ่งเป็นวัยที่sexactiveผู้ใหญ่มักบอกให้เขาอดเปรี้ยวไว้กินหวานมีเพศสัมพันธ์เมื่อถึงวัยอันควร(ซึ่งไม่รู้ว่าเมื่อไหร่คือวัยอันควร)แต่คำสอนกับธรรมชาติของร่างกายมันไม่สอดคล้องกันนี่ครับดังนั้นหากวัยรุ่นจะมีเพศสัมพันธ์และอยากป้องกันจะเดินเข้าไปซื้อถุงยางก็จะถูกคนขายซึ่งเป็นผู้ใหญ่มองตั้งแต่หัวจรดเท้าบางรายก็ไม่ขายให้แถมยังเทศนาสั่งสอน

เหล่านี้ล้วนเป็นอุปสรรคที่ทำให้คนไม่ได้ป้องกันและเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการส่งต่อเชื้อเอชไอวีทั้งสิ้น

ความยากประการต่อมาคือเรื่องราคา ถุงยางอนามัยหนึ่งกล่องที่วางขายตามร้านสะดวกซื้อทั่วไปไม่ใช่ถูกๆ นะครับ กล่องหนึ่งบรรจุ 2 หรือ 3 ชิ้น ราคาตั้งแต่ 40 -60 บาท ซื้อข้าวกินได้จานหนึ่งเลย หากเป็นเยาวชนที่ยังต้องเรียนหนังสือ ไม่มีรายได้เป็นของตัวเอง คิดแค่ว่ามีเซ็กซ์อาทิตย์ละครั้ง เดือนหนึ่งก็ต้องใช้เงินซื้อถุงยางกว่า 200 บาทแล้ว เอาล่ะ...ในรายที่คิดว่าไม่อยากเสียสตางค์และใช้วิธีเดินไปขอถุงยางอนามัยที่สถานีอนามัยหรือโรงพยาบาลใกล้บ้านก็ถูกมองถูกถามอีกว่าจะเอาไปทำอะไร บางแห่งต้องลงบันทึกชื่อผู้ขอไว้ พอขอหลายชิ้นก็ถูกถามอีกว่าจะเอาไปทำไมเยอะแยะ เจอขนาดนี้ก็ท้อแล้วครับ ใครจะกล้าไปขอ ท้ายที่สุดก็มีเซ็กส์แบบไม่ได้ป้องกัน

ผมคิดว่า หากอยากให้การป้องกันเอชไอวีเกิดขึ้นได้จริงก็ต้องกำจัดอุปสรรคการเข้าถึงอุปกรณ์ป้องกันให้หมดไป เข้าใจได้อยู่ครับว่าทัศนคติต่อเรื่อเพศเรื่องถุงยางคงไม่ง่ายที่จะเปลี่ยนแต่ถ้าเริ่มจากทำให้ถุงยางเป็นสินค้าที่ถูกควบคุมราคาและมีวางขายทั่วไปก่อนก็น่าจะทำได้หากคิดว่าเรื่องนี้ต้องใช้เวลาตระเตรียมนานผมเสนอว่าระหว่างนี้ให้รัฐแจกถุงยางแบบ "ไม่อั้น" ในทุกที่ลองดูสักตั้งไหมครับทั้งรัฐและ  NGO  มาช่วยกันทำหน่วยงานพิเศษที่ทำหน้าที่จัดหาและกระจายถุงยางเพราะคำนวณทุกทิศทางแล้วยังไงการป้องกันเอชไอวีก็ใช้งบถูกกว่าการรักษาแน่นอนครับ