ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

 

ประกันสังคมเตรียมสร้างนิคมผู้สูงอายุ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกันตนหลังเข้าสู่วัยเกษียณ ล่าสุดอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ ทั้งในด้านกฎหมาย และรูปแบบการลงทุนที่เหมาะสม ขณะที่คอนเซปต์โครงการจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ได้แก่ บ้านพัก สถานพยาบาล และสถานที่ออกกำลังกาย อาจจะให้ผู้ประกันตนที่สูงอายุมาซื้อหรือเช่า

จากกรณีที่นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ให้นโยบายกับทาง สปส.ก่อนหน้านี้ ในการทำโครงการประเภทคืนกำไรสู่สังคม มากกว่าการที่จะรอเก็บเงินสมทบจากผู้ประกันตนอย่างเดียวโดยที่ไม่ได้ทำอะไรเลย ด้วยการให้สิทธิประโยชน์ในการช่วยเหลือผู้ประกันตน ได้แก่ โครงการสร้างนิคมผู้สูงอายุ เพื่อรองรับผู้ประกันตนที่เกษียณอายุ และการให้ทุนเรียนแพทย์กับบุตรหลานผู้ประกันตนนั้น

นายอารักษ์ พรหมณี รองเลขาธิการประกันสังคม เปิดเผยถึงความคืบหน้าในประเด็นนี้ว่า การดำเนินโครงการในเรื่องการทำนิคมผู้สูงอายุ (senior house) นั้นถือเป็นนโยบายที่สอดคล้องกับสังคมผู้สูงอายุ ซึ่งขณะนี้ สปส.กำลังศึกษาข้อกฎหมายว่าจะต้องมีการแก้ไขในมาตราใดหรือไม่ รวมทั้งจะต้องหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ คณะกรรมการกฤษฎีกา กระทรวงการคลัง เป็นต้น ว่าจะอนุญาตให้ สปส.นำเงินไปลงทุนทำโครงการดังกล่าวได้หรือไม่ เนื่องจากการลงทุนลักษณะนี้ถือเป็นเรื่องใหม่ที่ สปส.จะต้องดำเนินการ ตลอดจน สปส.มีคณะกรรมการประกันสังคม (บอร์ด สปส.) ในการบริหารกองทุน ดังนั้นจึงต้องใช้เวลาในการศึกษาอย่างละเอียดอย่างรอบคอบ เพราะอาจจะส่งผลกระทบต่อกองทุนประกันสังคมในอนาคตได้

นายอารักษ์ กล่าวต่อว่า การทำโครงการลักษณะนี้ อาจมองได้เป็น 2 รูปแบบ คือรูปแบบของการลงทุน ซึ่งเป็นการนำเงินกำไรเข้ากองทุนประกันสังคม โดยจะต้องดูข้อกฎหมายว่าสามารถนำเงินไปลงทุนได้หรือไม่ ส่วนรูปแบบที่ 2 คือการมองเรื่องสิทธิประโยชน์ของผู้ประกันตน ว่า ผู้ประกันตนที่สูงอายุควรจะได้รับสิทธิประโยชน์เรื่องที่อยู่อาศัยอย่างไร เช่น การสร้างที่อยู่อาศัยให้ผู้ประกันตนที่สูงอายุอยู่ หรือการออกเงินกู้ให้ผู้ประกันตนไปซื้อหรือเช่าที่อยู่อาศัยราคาถูก

ซึ่งการลงทุนมี 2 แนวทาง ได้แก่ การนำเงินของ สปส.ไปลงทุนสร้างเป็นนิคมผู้สูงอายุเอง โดยในโครงการนั้นจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ได้แก่ บ้านพัก สถานพยาบาล และสถานที่ออกกำลังกาย แล้วให้ผู้ประกันตนที่สูงอายุมาซื้อหรือเช่า ซึ่งรายได้ที่เป็นกำไรก็จะนำเข้ากองทุนประกันสังคม ส่วนแนวทางที่ 2 คือการไปซื้อพันธบัตรหรือร่วมหุ้นร่วมทุนกับบริษัทอื่นๆ ในตลาดหลักทรัพย์เพื่อนำเงินมาสร้างนิคมผู้สูงอายุ

"ขณะนี้ได้เสนอเรื่องเข้าบอร์ด สปส. และบอร์ด สปส.ตีกลับเรื่องให้มาศึกษาข้อดีข้อเสียและข้อจำกัดต่างๆ ของโครงการดังกล่าว ซึ่งคาดว่าต้องใช้เวลาหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 2-3 สัปดาห์ถึงจะมีความชัดเจน" นายอารักษ์ กล่าว

รองเลขาธิการประกันสังคม กล่าวอีกว่า ส่วนโครงการการให้ทุนเรียนแพทย์กับบุตรหลานผู้ประกันตนนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาข้อกฎหมายและเงื่อนไขต่างๆ อาทิ เรื่องของการจัดสรรการให้เงินในแต่ละทุนว่าเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่ และมีจำนวนกี่ทุน รวมทั้งเรื่องของวิธีการการใช้เงินทุนคืน เพราะมีข้อจำกัดด้านกฎหมายและงบประมาณ เนื่องจากไม่ได้มีการตั้งงบประมาณในเรื่องนี้ไว้โดยเฉพาะ ซึ่งเรื่องนี้จะต้องนำไปเสนอต่อคณะกรรมการประกันสังคมพิจารณาด้วย

ที่มา: นสพ.กรุงเทพธุรกิจวันที่ 24 ส.ค.55