ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทรวงการคลังกำลังวางกรอบกำหนดเพดานรายได้สูงสุดของกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ภายหลังการรณรงค์ลด ละ เลิกยาเสพติดของ สสส.ไม่ประสบความสำเร็จและมีการใช้จ่ายเงินไม่คุ้มค่าเม็ดเงินภาษี ซึ่งสสส.มีรายได้มาจากการจัดเก็บภาษีบาปคือ สุราและยาสูบของกรมสรรพสามิตอัตรา 2% ของรายได้จากการจัดเก็บภาษีบาปทั้งหมด และการที่ ครม.มีมติขึ้นอัตราภาษีสุราและยาสูบเมื่อ 21 ส.ค.ที่ผ่านมา จะทำให้รายได้ของ สสส.เพิ่มขึ้น กระทรวงการคลังจึงห่วงว่า หากไม่กำหนดเพดานรายได้สูงสุดจะทำให้ สสส.มีเงินสดในมือมากจนใช้จ่ายเงินอย่างไม่รู้คุณค่าแทนที่เงินเหล่านี้จะนำส่งเข้าคลังเพื่อเป็นเงินงบประมาณ

ทั้งนี้ กรมสรรพสามิตจัดเก็บภาษีจากสินค้าบาปได้เพิ่มขึ้นทุกปี โดยปี 53 จัดเก็บรายได้จากยาสูบ 53,381 ล้านบาท ปี 54 จัดเก็บได้ 57,197 ล้านบาท และปีงบฯ 55 แค่ 10 เดือน (ต.ค.54-ก.ค.55) เก็บได้ 50,341 ล้านบาท ขณะที่สุราก็จัดเก็บรายได้เพิ่มขึ้นทุกปี ปี 53 เก็บได้ 42,398 ล้านบาท ปี 54 เก็บได้ 48,624 ล้านบาท และ 10 เดือนปีงบฯ 55 เก็บได้ 44,691 ล้านบาท ซึ่งอัตราภาษีใหม่จะทำให้สรรพสามิตมีรายได้ภาษีบาปเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่าปีละ 12,500 ล้านบาท ขณะที่กรมสรรพสามิตต้องนำรายได้จากภาษีบาปให้ สสส.เพิ่มขึ้นทุกปีเช่นกัน ล่าสุดปี 54 ส่งรายได้ให้ สสส. 3,400 ล้านบาท รวมเงินที่ส่งให้ สสส.กว่า 10 ปี มากกว่าหมื่นล้านบาท แต่กลับมีผลงานน้อยมาก โดยเฉพาะการบริโภคสินค้าบาปยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เนื่องจาก สสส.มักแย่งบทบาทหน้าที่กับกระทรวงสาธารณสุขในการดูแลสุขภาพคนไทย จนไม่รู้ว่าบทบาทที่แท้จริงของ สสส.อยู่ตรงไหน เช่น การโหมโฆษณาทีวีที่ต้องใช้เงินมหาศาลและเปิดรับพันธมิตรเพื่อศึกษาและวิจัยด้านสุขภาพ จึงต้องกำหนดเพดานรายได้สูงสุดเพื่อป้องกันการจ่ายเงินมือเติบ คาดว่าวงเงินที่ 3,000 ล้านบาทต่อปีน่าจะเหมาะสมที่สุด

นอกจากนี้ กระทรวงการคลังจะเข้าตรวจสอบการส่งเงินของกรมสรรพสามิตที่ให้แก่องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ไทยพีบีเอส) เนื่องจากกฎหมายกำหนดให้ส่งรายได้จากภาษีบาปให้หน่วยงานนี้ 2% ของรายได้ แต่ไม่เกิน 2,000 ล้านบาทโดยปี 53 ไทยพีบีเอสรับเงินเกิน 40 ล้านบาท และปี 54 เกินอีก 60 ล้านบาท จัดอยู่ในกลุ่มพวกมือเติบเช่นกัน  เพราะไม่มีใครกล้าเข้าไปตรวจสอบการทำงานและการใช้จ่ายเงิน

ที่มา : นสพ.ไทยรัฐ วันที่ 29 ส.ค.2555