ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

 

อานิสงส์โรงพยาบาลเอกชนคลินิกความงามแข่งเดือดธุรกิจจัดจำหน่ายอุปกรณ์ทางการแพทย์โตสวนกระแส"ฟิลเทค"เล็งแตกไลน์ธุรกิจลุยนำเข้าอุปกรณ์ทางการแพทย์ฉุกเฉิน-สัตวแพทย์เสริมยอดขายมั่นใจกระตุ้นยอดขายปี 56 โตเท่าตัว เล็งระดมทุนในตลาดสร้างโรงงานผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์เอง

นายอนุวัตร เลิศพิทักษ์สุนทร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟิลเทค เอ็นเตอร์ไพรส์(1994)จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายเครื่องมือทางการแพทย์เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า แนวโน้มตลาดอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ในประเทศไทยยังมีการเติบโตต่อเนื่องจากปัจจัยบวกที่ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางสุขภาพของโลก(เมดิคัลฮับ)ประกอบกับธุรกิจโรงพยาบาลรัฐและเอกชนเร่งปรับตัวเพิ่มศักยภาพทางด้านการรักษาทางการแพทย์ทำให้มีการนำเข้าอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อรองรับบริการของผู้ป่วยมากขึ้น

ขณะที่ธุรกิจคลินิกเสริมความงามต่างๆที่มีอยู่ทั่วประเทศกว่า3พันสาขาทำให้มีความต้องการอุปกรณ์ทางการแพทย์เกี่ยวกับผิวหนังและเวชสำอางค่อนข้างมากรวมทั้งอุปกรณ์ดูแลสัดส่วนที่ตลาดมีการขยายตัวมากขึ้น ทำให้อุปกรณ์ทางการแพทย์บางรายการได้รับความนิยม อาทิ Cool sculpting มียอดขายเติบโตขึ้น33%จากกระแสลูกค้ารักสุขภาพ ทำให้คลินิกความงามและสถาบันลดน้ำหนักสั่งสินค้าอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้แผนการดำเนินธุรกิจภายใน5ปีข้างหน้า(ปี2556-2560)บริษัทต้องการขยายตลาดอุปกรณ์ทางการแพทย์อย่างต่อเนื่องทั้งในและต่างประเทศเพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ในปี2558 ด้วย ซึ่งไทยได้เปรียบทางยุทธศาสตร์ที่ตั้งและศักยภาพทางการแพทย์จึงเป็นโอกาสที่จะหาพันธมิตรในการจัดตั้งบริษัทและเปิดสาขาเพื่อจำหน่ายอุปกรณ์ทางการแพทย์ในประเทศเพื่อนบ้านอย่างลาว กัมพูชา และพม่าที่มีความต้องการสินค้ามากขึ้นและบริษัทต้องการผลักดันให้มีสัดส่วนยอดขายจากต่างประเทศ40%จากปัจจุบันที่มียอดขายจากในประเทศเท่านั้นและยังมีแผนจะขยายไลน์จัดจำหน่ายเครื่องมือแพทย์เจาะกลุ่มสัตวแพทย์รับพฤติกรรมผู้บริโภคคนไทยที่รักสัตว์มากขึ้นรวมทั้งขยายการจัดจำหน่ายอุปกรณ์ทางการแพทย์ฉุกเฉินด้วย

สำหรับแผนการทำตลาดในประเทศบริษัทจะเน้นทำตลาดอุปกรณ์ทางการแพทย์เจาะตลาดความงามและดูแลสัดส่วนรับเทรนด์ผู้บริโภคที่รักสุขภาพรวมทั้งเจาะโรงพยาบาลรัฐเพื่อเพิ่มสัดส่วนรายได้ให้มากกว่า50%จากปัจจุบันอยู่ที่20%และเอกชน80%ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคลินิกต่างๆและปี2556ตั้งเป้าจะเพิ่มรายได้ให้เติบโตเป็น 2 เท่าตัวจากปีนี้ และเพิ่มเป็น700ล้านบาทภายในปี2557 เพื่อให้สอดคล้องกับแผนธุรกิจในอนาคตที่ต้องการเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯเพื่อลงทุนสร้างโรงงานในการผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ขั้นพื้นฐานอาทิ เตียงผู้ป่วยเพื่อบริการแก่ธุรกิจโรงพยาบาลในประเทศและยังเป็นการช่วยลดการนำเข้าอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ได้ด้วย

"ปัจจุบันธุรกิจโรงพยาบาลของภาครัฐและเอกชนมีการปรับตัวนำเข้าอุปกรณ์และเครื่องมือแพทย์เพื่อให้เพิ่มศักยภาพในด้านบริการคนไข้อย่างต่อเนื่องแต่ละโรงพยาบาลยังมีการขยายอาคารรองรับผู้ป่วยยิ่งส่งผลให้มีการเพิ่มอุปกรณ์ทางการแพทย์มากขึ้นขณะที่ตลาดที่น่าสนใจอีกด้านคือคลินิกเสริมความงามต่างๆที่มีการแข่งขันกันด้านเทคโนโลยีการดูแลผิวพรรณทำให้มีการสั่งอุปกรณ์และเครื่องมือใหม่ๆมากขึ้นและมีมูลค่าราว2พันล้านบาทโดยกลุ่มที่มีการเติบโตมาก ได้แก่ อุปกรณ์เลเซอร์ เติบโต30% อุปกรณ์เกี่ยวกับร่างกาย 17-18%"นายอนุวัตร กล่าวและว่า

ส่วนผลประกอบการของบริษัทในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมามียอดขายราว 115 ล้านบาท เติบโตกว่า10%เทียบช่วงเดียวกันปีก่อนและภายในสิ้นปีนี้คาดว่าจะมียอดขายรวมกว่า220ล้านบาทเติบโตจากปีก่อนที่มีรายได้ 170 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนรายได้จากกลุ่มเครื่องมือแพทย์ผิวหนังและเวชสำอาง75%เครื่องมือจักษุแพทย์20%และกลุ่มเครื่องมือแพทย์ด้านกายภาพบำบัด5%ขณะที่ตลาดอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์มีมูลค่ารวมประมาณ 8 พันล้านบาท มีอัตราการเติบโต15-20%จากผู้ประกอบการในตลาดอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ราว 200 ราย

ที่มา: นสพ.ฐานเศรษฐกิจ ฉบับวันที่ 2 - 5 ก.ย. 2555

เรื่องที่เกี่ยวข้อง