ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

 

ตลาดยาโรงพยาบาลรัฐเริ่มตีบ เอไซหันบุกร้านขายยา เร่งฟื้นแบรนด์อาปราคัวร์ ลุยยาสมุนไพรรับอาเซียน

นายทวีศักดิ์ สีทองสุรภณา ประธานและกรรมการผู้จัดการบริษัท เอไซ (ประเทศไทย)มาร์เก็ตติ้ง กล่าวว่า ปัจจุบันตลาดยาในโรงพยาบาลรัฐมีการเติบโตน้อยมาก เนื่องจากรัฐควบคุมให้ใช้ยาที่ถูกลง ส่วนตลาดยาในร้านขายโดยรวมมีอัตราเติบโต 7% ขณะที่ยอดขายยาในร้านยาของบริษัทโตสูงถึงกว่า 20% ดังนั้นถ้ายังหวังพึ่งตลาดจากโรงพยาบาลอย่างเดียวคงไม่ได้ บริษัทจึงขยายธุรกิจมาทำตลาดในร้านขายยามากขึ้น

ทั้งนี้ ล่าสุดบริษัทได้ร่วมกับบริษัท อาปราคัวร์ (ประเทศไทย)เจ้าของแบรนด์ยาบรรเทาหวัดอาปราคัวร์จากเยอรมนีที่เคยทำตลาดในไทยมากว่า 50 ปี แต่ระยะหลังขาดการทำตลาดจึงทำให้การรับรู้ต่อแบรนด์หายไป

ดังนั้น บริษัทจะเข้ามาฟื้นแบรนด์อาปราคัวร์ในร้านขายยา และเริ่มโฆษณาประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ในแบรนด์เน้นที่คุณภาพของยาในระดับสากล โดยเน้นไปยังกลุ่มผู้บริโภคที่เคยใช้สินค้า แล้วค่อยขยายไปยังตลาดคนรุ่นใหม่

นอกจากนี้ จะใช้ร้านยาที่เป็นพันธมิตรร่วมทำตลาดกับบริษัทที่มีกว่า 2,000 ร้านค้า เป็นช่องทางกระจายสินค้า และทำตลาดในลักษณะบอกต่อให้กับลูกค้าใหม่ๆโดยคาดว่าในระยะ 3 ปีจะสามารถดันยอดขายจากปีละ 50 ล้านบาทเป็น 300 ล้านบาทจากตลาดรวมที่มีมูลค่า 1,400 ล้านบาท รวมทั้งเริ่มขยายไลน์สินค้าไปยังยาอมแก้ไอที่มีมูลค่าตลาดรวมกับยาบรรเทาหวัดเกือบ 3,000 ล้านบาท

การขยายตลาดผลิตภัณฑ์อื่นนั้น บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ผลิตยาสมุนไพรสกัดเข้ามาเสริมเนื่องจากสมุนไพรเป็นยาอีกประเภทที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น

ขณะเดียวกันจะขยายตลาดไปยังโรงพยาบาลเอกชนเพิ่ม เพราะเป็นตลาดที่มีแนวโน้มการเติบโตสูงหากดูจากการทำประกันสุขภาพของผู้บริโภคที่มีอัตราเพิ่มขึ้นถึง50% ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้บริการจากโรงพยาบาลเอกชน รวมทั้งจะขยายตลาดยาในอาเซียนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในตลาดอินโดจีน ได้แก่ ลาว พม่า กัมพูชา และเวียดนาม ที่บริษัทมีทีมทำตลาดอยู่แล้ว

นายทวีศักดิ์ กล่าวถึงผลประกอบการในปี 2554 ว่า บริษัทมียอดขายรวม 1,250 ล้านบาท ส่วนปีนี้ตั้งเป้าที่ 1,500 ล้านบาท เป็นตลาดในไทย 1,200 ล้านบาท ต่างประเทศ 300 ล้านบาท คาดว่าหลังเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ตลาดจะขยายได้มากกว่านี้

อย่างไรก็ตาม หลังเปิดเออีซีจะมีเชนสโตร์ร้านยาใหญ่ๆ จากต่างประเทศเข้ามาในไทยอีกมาก ทั้งญี่ปุ่น มาเลเซีย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ซึ่งจะทำให้มีการนำเสนอบริการในรูปแบบใหม่ๆ ดังนั้นร้านยาไทยจะต้องเร่งปรับตัวเพื่อตั้งรับการแข่งขัน

ที่มา : นสพ.โพสต์ทูเดย์ วันที่ 3 ก.ย.2555