ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

 

รมว.สธ.เร่งพัฒนาโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล รองรับผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่นเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และบริการการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกให้เป็นที่ยอมรับในชุมชนให้เห็นผลภายใน 3 ปี และเร่งผลักดันให้มีพระราชบัญญัติวิชาชีพสาธารณสุข สร้างความก้าวหน้าวิชาชีพความมั่นคงของเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลและสำนักงานสาธารณสุขอำเภอ

นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานเปิดการประชุมวิชาการชมรมสาธารณสุขแห่งประเทศไทยประจำปี 2555 และพิธีรับโล่พระราชทาน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารีฯ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลหรือรพ.สต. สำนักงานสาธารณสุขอำเภอดีเด่น และมอบโล่และรางวัลเชิดชูเกียรติแก่ รพ.สต. สสอ. และบุคลากรสาธารณสุขดีเด่นประเภทต่างๆประจำปี 2555 โดยมีผู้ร่วมประชุมจากทั่วประเทศกว่า 6,000 คน ที่จังหวัดสุราษฏร์ธานี ว่า รัฐบาลโดยนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต้องการที่จะดูแลในเรื่องสุขภาพประชาชนภายใต้กองทุนหลักประกันสุขภาพ ซึ่งไทยเป็นต้นแบบให้กับประเทศอื่นๆ กว่า 80 ประเทศทั่วโลกมาศึกษาดูงาน และที่สำคัญคือบุคลากรหน่วยบริการของกระทรวงสาธารณสุข มีส่วนที่จะต้องต้อนรับเพื่อนบ้านที่จะเข้ามาศึกษาดูงานในประเทศไทย นอกจากนี้ประเทศไทยได้รับเกียรติจากองค์การสหประชาชาติหรือยูเอ็น (UN) ได้เชิญนายกรัฐมนตรีขึ้นกล่าวเรื่องของระบบหลักประกันสุขภาพของประเทศไทยในที่ประชุมยูเอ็นในเร็วๆนี้ด้วย

ประการสำคัญ เรื่องที่จะต้องเร่งพัฒนาให้เกิดขึ้นให้ได้ภายในอีก 3 ปี คือการจัดระบบของรพ.สต.ให้รองรับภารกิจการดูแลโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง โดยเฉพาะเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และจัดบริการการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกด้วย เพื่อให้เป็นที่ยอมรับในชุมชน เป็นการแพทย์ทางเลือกในการดูแลสุขภาพประชาชนในชนบทและในพื้นที่ห่างไกล

นายวิทยากล่าวต่อไปว่า นอกจากการพัฒนาสถานบริการและระบบการบริการแล้ว รัฐบาลยังเป็นห่วงในเรื่องของความก้าวหน้าและความมั่นคงของผู้ปฏิบัติงานที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล และสำนักงานสาธารณสุขอำเภอซึ่งมีจำนวนมาก เรื่องที่ต้องการขณะนี้คือ พระราชบัญญัติวิชาชีพสาธารณสุข เพื่อให้มีการพัฒนามาตรฐานวิชาชีพสาธารณสุขต่อไปยิ่งๆขึ้น ซึ่งจะมีคุณค่ากับบุคลากรสาธารณสุข

 ทั้งนี้ ในส่วนของความก้าวหน้ามั่นคงในอาชีพนั้น ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขได้ดำเนินการให้เต็มที่อยู่แล้วทุกเรื่อง ครบทุกวิชาชีพ ทั้งพยาบาล ลูกจ้าง และวิชาชีพอื่นๆ รวมถึงค่าตอบแทน โดยจะมีการบรรจุหรือพิจารณาให้เร็วที่สุด โดยขณะนี้ได้ผ่านที่ประชุมคณะรัฐมนตรีไปครั้งหนึ่งแล้ว อยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) โดยจะเร่งรัดดำเนินการให้เร็วที่สุด และคาดว่าในอีก 1-2 เดือนข้างหน้าน่าจะมีข่าวดีสำหรับบุคลากรสาธารณสุขรมว.สธ.เร่งพัฒนาโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล รองรับผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่นเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และบริการการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกให้เป็นที่ยอมรับในชุมชนให้เห็นผลภายใน 3 ปี และเร่งผลักดันให้มีพระราชบัญญัติวิชาชีพสาธารณสุข สร้างความก้าวหน้าวิชาชีพความมั่นคงของเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลและสำนักงานสาธารณสุขอำเภอ

นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานเปิดการประชุมวิชาการชมรมสาธารณสุขแห่งประเทศไทยประจำปี 2555 และพิธีรับโล่พระราชทาน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารีฯ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลหรือรพ.สต. สำนักงานสาธารณสุขอำเภอดีเด่น และมอบโล่และรางวัลเชิดชูเกียรติแก่ รพ.สต. สสอ. และบุคลากรสาธารณสุขดีเด่นประเภทต่างๆประจำปี 2555 โดยมีผู้ร่วมประชุมจากทั่วประเทศกว่า 6,000 คน ที่จังหวัดสุราษฏร์ธานี ว่า รัฐบาลโดยนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต้องการที่จะดูแลในเรื่องสุขภาพประชาชนภายใต้กองทุนหลักประกันสุขภาพ ซึ่งไทยเป็นต้นแบบให้กับประเทศอื่นๆ กว่า 80 ประเทศทั่วโลกมาศึกษาดูงาน และที่สำคัญคือบุคลากรหน่วยบริการของกระทรวงสาธารณสุข มีส่วนที่จะต้องต้อนรับเพื่อนบ้านที่จะเข้ามาศึกษาดูงานในประเทศไทย นอกจากนี้ประเทศไทยได้รับเกียรติจากองค์การสหประชาชาติหรือยูเอ็น (UN) ได้เชิญนายกรัฐมนตรีขึ้นกล่าวเรื่องของระบบหลักประกันสุขภาพของประเทศไทยในที่ประชุมยูเอ็นในเร็วๆนี้ด้วย

ประการสำคัญ เรื่องที่จะต้องเร่งพัฒนาให้เกิดขึ้นให้ได้ภายในอีก 3 ปี คือการจัดระบบของรพ.สต.ให้รองรับภารกิจการดูแลโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง โดยเฉพาะเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และจัดบริการการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกด้วย เพื่อให้เป็นที่ยอมรับในชุมชน เป็นการแพทย์ทางเลือกในการดูแลสุขภาพประชาชนในชนบทและในพื้นที่ห่างไกล

นายวิทยากล่าวต่อไปว่า นอกจากการพัฒนาสถานบริการและระบบการบริการแล้ว รัฐบาลยังเป็นห่วงในเรื่องของความก้าวหน้าและความมั่นคงของผู้ปฏิบัติงานที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล และสำนักงานสาธารณสุขอำเภอซึ่งมีจำนวนมาก เรื่องที่ต้องการขณะนี้คือ พระราชบัญญัติวิชาชีพสาธารณสุข เพื่อให้มีการพัฒนามาตรฐานวิชาชีพสาธารณสุขต่อไปยิ่งๆขึ้น ซึ่งจะมีคุณค่ากับบุคลากรสาธารณสุข

 ทั้งนี้ ในส่วนของความก้าวหน้ามั่นคงในอาชีพนั้น ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขได้ดำเนินการให้เต็มที่อยู่แล้วทุกเรื่อง ครบทุกวิชาชีพ ทั้งพยาบาล ลูกจ้าง และวิชาชีพอื่นๆ รวมถึงค่าตอบแทน โดยจะมีการบรรจุหรือพิจารณาให้เร็วที่สุด โดยขณะนี้ได้ผ่านที่ประชุมคณะรัฐมนตรีไปครั้งหนึ่งแล้ว อยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) โดยจะเร่งรัดดำเนินการให้เร็วที่สุด และคาดว่าในอีก 1-2 เดือนข้างหน้าน่าจะมีข่าวดีสำหรับบุคลากรสาธารณสุข