ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

 

BCH เปิดเวิลด์เมดิคอลเซ็นเตอร์ 1 ม.ค. 2556 "หมอเฉลิม" ลั่นจับลูกค้าตลาดบนเต็มตัว ชี้รายได้ปี 2555 โตอีก 10% ลูกค้าเงินสดควบประกันสังคมพุ่ง วงการเชื่อโครงการ WMC ดันกำไรรายปีเพิ่ม 13% วางเป้าหมายหุ้น 10.90 บาท

น.พ.เฉลิม หาญพาณิชย์ ประธานกรรมการ บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH เปิดเผยว่า โรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอลเซ็นเตอร์ หรือ WMC ที่บริษัทได้ลงทุนไป จะเริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2556 ซึ่งขณะนี้ในแง่ก่อสร้างหรือการติดตั้งเครื่องมือทางการแพทย์ได้ดำเนินการเป็นที่เรียบร้อยหมดแล้ว

ดังนั้น ช่วงเวลาที่เหลืออีกประมาณ 2 เดือนของงวดปี 2555 ทางบริษัทจึงเหลือเพียงแค่กระบวนการเตรียมความพร้อมด้านบุคลากร เพื่อใช้รองรับการเปิดโรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอลเซ็นเตอร์ ทั้งนี้ โครงการ WMC ใช้งบลงทุนทั้งสิ้นประมาณ 2,200 ล้านบาท (ยังไม่รวมที่ดินอีก 200 ล้านบาท) ตั้งอยู่ที่ถนนแจ้งวัฒนะ ตำบลปากเกร็ด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี

 “เวิลด์เมดิคอลเซ็นเตอร์จะช่วยสร้างการเติบโตให้กับเราในอนาคต ซึ่งขณะนี้โครงการ WMC ได้ดำเนินการเสร็จเรียบแล้ว คงเหลือเพียงแค่ขั้นตอนการเตรียมการด้านบุคลากรเพื่อเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.ปีหน้า เฟสแรกจะสามารถให้บริการ 150 เตียง โดยวางกลุ่มเป้าหมายลูกค้าระดับบนทั้งชาวไทยและต่างประเทศ” น.พ.เฉลิมกล่าว

สำหรับ WCH ถือเป็นหนึ่งในแผนธุรกิจของบริษัทที่จะช่วยยกระดับให้ BCH สามารถเจาะตลาดกลุ่มลูกค้าพรีเมียมหรือระดับบน จากเดิมที่มีฐานลูกค้าหลักอยู่ในตลาดระดับกลางเท่านั้น และกลายเป็นกลยุทธ์สำคัญที่จะช่วยผลักดันให้ทางบริษัทเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต

อย่างไรก็ตาม ช่วงเริ่มต้นโครงการ WMC จะเปิดให้บริการเฟสแรกก่อน โดยมีจำนวนรองรับลูกค้าทั้งสิ้น 150 เตียง จากนั้นจะทยอยเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจนเต็มกำลังที่ระดับ 324 เตียง ส่วนกลุ่มเป้าหมายที่มาใช้บริการ จะมาจากลูกค้าภายในประเทศและต่างประเทศ

น.พ.เฉลิม เปิดเผยอีกว่า นอกจากโครงการ WMC ที่บริษัทได้เดินหน้าลงทุนไปแล้ว ทางบริษัทยังเตรียมความพร้อมที่ขยายการลงทุนย่อยเพิ่มเติมอีก อย่างเช่น เตรียมขยายการลงทุนในพื้นที่แม่สาย จังหวัดเชียงราย เพื่อสร้างโอกาสเพิ่มฐานลูกค้าที่มีอยู่ให้ใหญ่กว่าเดิม ส่วนวงเงินลงทุนจะมาจากกระแสเงินสดที่ได้มาจากการดำเนินธุรกิจ

ขณะที่ผลการดำเนินงานงวดปี 2555 ทางบริษัทได้ประเมินในเบื้องต้นจะมีแนวโน้มทำรายได้ปรับเพิ่มขึ้นอีก 10% เมื่อเทียบกับงวดปี 2554 ที่ผ่านมา ซึ่งได้อยู่ที่ระดับ 3.9 พันล้านบาท โดยปัจจัยสนับสนุนหลักเกิดขึ้นจากฐานลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการกับทางโรงพยาบาลที่มีอยู่ในเครือ BCH จำนวนมาก

อีกทั้งหลังจากทางบริษัทได้เริ่มทยอยปรับเปลี่ยนโครงสร้างการให้บริการในช่วงที่ผ่านมา ยังพบว่า ได้เริ่มมีฐานกลุ่มลูกค้าเงินสดเข้ามาใช้บริการสูงขึ้นกว่าเดิม ส่วนฐานลูกค้าประกันสังคมยังมีอัตราใช้บริการหนาแน่นเป็นปกติ ดังนั้น จากการเติบโตทั้งสองส่วนจึงสามารถผลักดันให้ผลการดำเนินงานงวดปี 2555 ปรับเพิ่มขึ้นได้

นอกจากนี้ หมอเฉลิม ยังกล่าวอีกว่า ปัจจุบันความสามารถในการทำกำไรมีประสิทธิภาพสูงขึ้นมาก โดยในช่วงที่ผ่านมาถึงแม้อัตรารายได้อาจไม่ได้ปรับเพิ่มขึ้นมากนัก แต่อัตรากำไรกลับเติบโตขึ้นสูงได้ต่อเนื่อง จึงถือเป็นการสะท้อนถึงศักยภาพความแข็งแกร่งของธุรกิจในปัจจุบัน

สำหรับอัตรากำไรที่ปรับเพิ่มขึ้น เป็นผลมาจากการแผนการลงทุนขยายธุรกิจที่บริษัทได้เดินหน้ามาถูกทาง พร้อมกับสามารถบริหารจัดการและการควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่ายได้มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การที่บริษัทเปิดรับลูกค้าประกันสังคม ยังส่งผลให้บริษัทได้รับลูกค้าเข้ามาทั้งสองส่วนจนเกิดภาวะeconomies of scale หรือการประหยัดต่อขนาด โดยส่วนแรกมาจากลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการโดยตรง ส่วนที่สองคือลูกค้ารับส่งต่อมาจากโรงพยาบาลอื่น

ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในของ BCH ตั้งแต่ช่วงปี 2551-2553 มีอัตราการทำกำไรสุทธิเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 14% จากนั้นเพิ่มขึ้นมาสู่ระดับ 16% ในปี 2554 ส่วนงวด 6 เดือนแรกของปี 2555 ได้ปรับเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดมาอยู่ที่ 20% จากการทำกำไรสุทธิได้ทั้งสิ้น 444 ล้านบาท

ด้านบทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคิน จำกัด ประเมินว่า ในไตรมาส 3 BCH จะมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 235 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น 21% จากช่วงปีก่อน และเพิ่มขึ้น 7% จากงวดก่อนหน้า จึงถือเป็นไตรมาสที่ดีสุดของปี คาดการณ์รายได้รวมทั้งปี 4.4 พันล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 891 ล้านบาท

ส่วนโครงการ WMC จะมีต้นทุนและค่าใช้จ่ายสูงกว่าคาดในปีแรก และจะเข้าจุดคุ้มทุนในปี 2557 อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิเคราะห์มีมุมมองบวกต่อปัจจัยพื้นฐาน โดยประเมินว่า จะทำให้กำไรสุทธิปี 2557 จะเติบโต 13% จากปี 2556 ที่มีกำไรสุทธิ 887 ล้านบาท คงคำแนะนำ “ซื้อ” ประเมินมูลค่าเหมาะสมใหม่ 10.90 บาท

ที่มา : นสพ.ข่าวหุ้น วันที่ 6 พฤศจิกายน 2555