ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

 

บอร์ด สปสช.ผิดหวัง “หมอประดิษฐ” สั่งคลังไฟเขียวใช้ยากลูโคซามีน ชี้ อาจทุจริตเชิงนโนบายเอื้อธุรกิจ รพ.เอกชน

ตามที่ นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (รมว.สธ.) ประธานคณะกรรมการบริหารยาฯ สั่งให้กรมบัญชีกลางยกเลิกประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ห้ามเบิกยากลูโคซามีนแก้โรคข้อเข่าเสื่อมในสิทธิรักษาพยาบาลข้าราชการซึ่งมีมูลค่าปีละประมาณ 700 ล้านบาท ตามกระแสเรียกร้องของบริษัทยาและข้าราชการ ท่ามกลางเสียงคัดค้านจากนักวิชาการที่ชี้ว่ายาดังกล่าวไม่มีข้อมูลทางวิชาการที่เชื่อถือได้ว่ามีประโยชน์ในการรักษาโรคดังกล่าวจริงเพราะที่อเมริกาจัดเป็นเพียงอาหารเสริมประเภทหนึ่งเท่านั้นต่อกรณีดังกล่าว

นส.บุญยืน ศิริธรรม กรรมการหลักประกันสุขภาพ กล่าวว่า รู้สึกผิดหวัง เพราะเพียงยกแรก รมว.สาธารณสุข ก็สั่งข้ามกระทรวงให้กรมบัญชีกลางถอยต่อแรงกดดันยอมให้ประเทศต้องสูญเสียเงินงบประมาณปีละกว่า 700 ล้านบาท ทั้งๆ ที่เพิ่งประกาศนโยบายจะลดค่าใช้จ่ายที่ไม่ก่อให้เกิดผลต่อสุขภาพของสวัสดิการข้าราชการที่ใช้งบประมาณค่ารักษาพยาบาลสูงกว่าผู้ป่วยบัตรทองหลายเท่าตัว
“การสั่งกระทรวงการคลังให้ถอยเรื่องยากลูโคซามีนของ รมว.สาธารณสุข อยากถามรัฐมนตรีที่เป็นหมอ ว่า เอาข้อมูลวิชาการจากไหนมาใช้ตัดสินใจเป็นสัญญาณบอกชัดเจนว่านโยบายลดความเหลื่อมล้ำและปฏิรูประบบประกันสุขภาพ 3 กองทุนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นเป็นเพียงราคาคุยให้ดูดีเท่านั้น ท้ายที่สุดการกระทำจริงก็เอื้อประโยชน์บริษัทยาต่างชาติและตัดงบเหมาจ่ายของระบบบัตรทอง ทำให้เป็นระบบอนาถา ผลักผู้ป่วยไป รพ.เอกชนเท่านั้นเอง” บอร์ด สปสช.ภาคประชาชน กล่าว

ขณะที่ นพ.วิชัย โชควิวัฒน กรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวถึงนโยบายของ รมว.สาธารณสุข ที่ประกาศเมื่อเร็วๆ นี้ ว่า จะยกเลิกกองทุนย่อยต่างๆ ของสปสช.ว่า เป็นการถอยหลังเข้าคลองครั้งใหญ่เพราะที่ผ่านมาตั้งแต่สมัย นพ.สงวน นิตยารัมภ์พงศ์ อดีตเลขาธิการ สปสช.คนแรกได้วางรากฐานให้ผู้ป่วยที่มีปัญหามากในการเข้าถึงบริการรักษาพยาบาล อาทิเช่น ผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรัง เอดส์ หัวใจ มะเร็ง โรคเลือดออกง่ายฮีโมฟีเลีย ต้อกระจก โรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง เป็นต้น สามารถเข้าถึงการบริการได้อย่างทั่วถึงโดยอาศัยการบริหารแบบโรคเฉพาะโดยมีกองทุนย่อยต่างๆ ของ สปสช.เป็นเครื่องมือสำคัญในการจ่ายค่าชดเชยและควบคุมราคาค่าบริการไม่ให้สูงจนเป็นภาระค่าใช้จ่ายของกองทุนสปสช.ทำให้ผู้ป่วยเหล่านี้ที่เคยล้มละลายจากค่าใช้จ่ายสูงสามารถเข้าถึงการบริการดังกล่าวดีกว่าผู้ป่วยสิทธิอื่นๆ

“อยากฝากคุณหมอประดิษฐ์ให้ใช้อำนาจที่มีอยู่เพื่อประโยชน์ของผู้ป่วยอย่าทำให้ระบบบัตรทองกลายเป็นระบบอนาถาเพราะจะเป็นการผลักผู้ป่วยให้ไปใช้บริการ รพ.เอกชน เหมือนในอดีตขณะนี้สังคมกำลังจับตาว่าเป็นการทุจริตเชิงนโยบายเอื้อประโยชน์ให้กับผู้ที่กำลังกว้านซื้อขยายธุรกิจ รพ.เอกชน หรือไม่” นพ.วิชัย กล่าว