ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

 

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยระหว่างตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลบ้านแพ้ว (องค์การมหาชน) ขนาด 300 เตียง ว่า เป็นโรงพยาบาลที่มีศักยภาพมาก ทั้งเรื่องเทคโนโลยีทางการแพทย์ เช่น เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ ระบบห้องตรวจชันสูตรที่รายงานผลผ่านคอมพิวเตอร์ มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทุกสาขาแก้ปัญหาสุขภาพในพื้นที่ เช่นบริการรักษาโรคตาต้อกระจก โรคจอประสาทตาเสื่อม โรคข้อเข่าเสื่อม การบริการเคลื่อนที่ ทำให้ประชาชนเชื่อมั่นและศรัทธาสูงมาก สะท้อนได้จากยอดบริการผู้ป่วยนอกเฉลี่ย 1,900 รายต่อวัน

"ที่ชัดเจนไปกว่านั้นคือ ในรอบ 5 ปีมานี้ผู้ใช้สิทธิบัตรทอง หรือโครงการ 30 บาท ขอย้ายสิทธิไปใช้บริการที่ รพ.บ้านแพ้ว เพิ่มขึ้นทุกปี จากปี 2550 มีผู้ขึ้นทะเบียน 74,000 คน เพิ่มเป็น 85,000 คน ในปี 2555 หรือเพิ่มกว่า 10,000 ราย ในรอบ 5 ปี รายได้สูงกว่ารายจ่าย โดยรายได้ส่วนใหญ่มาจากบัตรทอง และกลุ่มข้าราชการบำนาญ อย่างไรก็ดี ได้มอบนโยบายให้ รพ.บ้านแพ้วเพิ่มบริการในชุมชนด้วย" นพ.ชลน่านกล่าว และว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายปฏิรูปการบริหาร สธ. ให้สามารถจัดบริการดูแลประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยจัดเป็นเขตบริการ มีการใช้ทรัพยากรร่วมกันเกิดประโยชน์สูงสุด ระหว่างโรงพยาบาลรัฐต่อรัฐหรือรัฐกับเอกชน ซึ่งจะต้องผลักดันให้เกิดเป็นรูปธรรมให้ได้ทุกพื้นที่ โดยเฉพาะการเป็นเมดิคัลฮับของประเทศไทยที่ไม่กระทบบริการคนไทย

นพ.ชลน่านกล่าวว่า ขณะนี้ สธ.อยู่ระหว่างการขอความคิดเห็นจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อหาจุดขายของประเทศไทย เบื้องต้นจุดขายที่มีความเป็นไปได้คือ 1.การเป็นศูนย์วิชาการการแพทย์แผนปัจจุบัน 2.ด้านบริการรักษาพยาบาล และการส่งเสริมสุขภาพ

ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน