ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

 

หวั่นรัฐสภาเร่งพิจารณากรอบเจรจาเสรีอียู ทำยาแพง เหล้า บุหรี่นอกทะลัก

ที่ประชุมรัฐสภา เตรียมเลื่อนวาระการให้ความเห็นชอบร่างกรอบเจรจาการค้าเสรีระหว่างไทยกับสหภาพยุโรป จากวาระที่ 24 มาเป็นวาระเร่งด่วนในวันที่ 29 ม.ค.นี้ ซึ่งนายไพบูลย์ นิติตะวัน สว.สรรหาเกรงว่าหากพิจารณาอย่างรวบรัดขาดความรอบคอบ อาจทำให้ประเทศไทยเสียประโยชน์

นายไพบูลย์ กล่าวว่า การเลื่อนวาระดังกล่าวเนื่องจากน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเดินทางไปสหภาพยุโรปในเดือน มี.ค.ซึ่งกรอบการเจรจาดังกล่าวกระทรวงพาณิชย์จะเสนอให้คณะรัฐมนตรี(ครม.) ก่อนที่จะรับฟังความคิดเห็นของประชาชน นักวิชาการ ซึ่งเป็นการดำเนินการที่อาจไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ

"รัฐบาลควรจะพิจารณาปรับปรุงเรื่องทรัพย์สินทางปัญญาที่เกี่ยวข้องกับยา ซึ่งหากเป็นไปตามกรอบการเจรจาจะมีผลกระทบต่อประชาชนหลายล้านคน นอกจากนี้ในส่วนของแอลกอฮอล์และบุหรี่ที่ทางสหภาพยุโรปต้องการลดภาษีเหลือ 90% ภายใน 7 ปี จะทำให้สินค้าเหล่านี้เข้ามาขายเพิ่มมากขึ้น"นายไพบูลย์ ระบุ

ด้านนายนิมิตร์ เทียนอุดม ผู้อำนวยการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ กล่าวว่า การกระทำดังกล่าวน่าจะมีวาระซ่อนเร้น จึงต้องรีบกระทำการอย่างเร่งด่วน ซึ่งมีความสุ่มเสี่ยงต่อการกระทำผิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 เนื่องจากครม.ให้ความเห็นชอบตั้งแต่ 4 ธ.ค. 2555 โดยไม่มีการเผยแพร่ร่างกรอบเจรจา ไม่มีการรับฟังความเห็นจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้องก่อน

น.ส.กรรณิการ์ กิจติเวชกุล ผู้ประสานงานกลุ่มเอฟทีเอ วอทช์กล่าวว่า ข้อกังวลที่ภาคประชาสังคมมีข้อห่วงกังวลสูงที่สุด มี 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1.ประเด็นทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งจะส่งผลกระทบร้ายแรงต่อระบบสาธารณสุข โดยเฉพาะการบริหารจัดการยาและเวชภัณฑ์ภาครัฐอย่างรุนแรง

2.การนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และยาสูบ ซึ่งเป็นสินค้าที่มีอันตรายเข้าไปอยู่ในกรอบเจรจาจะทำให้คนบริโภคได้ง่ายและมากขึ้น ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของคนไทยโดยตรงและ 3.การคุ้มครองการลงทุนที่เปิดโอกาสให้อนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศในการระงับข้อพิพาทระหว่างรัฐและเอกชน เป็นการเปิดโอกาสให้นักลงทุนต่างชาติฟ้องร้องค่าเสียหาย แม้รัฐจะมีนโยบายที่คุ้มครองคนในประเทศก็ตาม

ที่มา: หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ วันที่ 29 มกราคม 2556

เรื่องที่เกี่ยวข้อง