ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

 

นายศักดิพงศ์ ธรรมอาชวกุล ประธานสมาพันธ์ปลัดเทศบาลแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า หลังจากมีการเรียกร้องจากข้าราชการท้องถิ่นทั่วประเทศ เพื่อขอให้รัฐบาลได้แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนเกี่ยวกับการสำรองเงินจ่ายค่ารักษาพยาบาลและหากบางกรณีที่มีค่าใช้จ่ายสูงก็จะกระทบกับการทำงาน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ที่มีรายได้น้อยทำให้ไม่มีงบประมาณที่จะนำไปบริการประชาชน เห็นควรให้มีกองทุนกลางดูแล ซึ่งที่ผ่านมากรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) กระทรวงมหาดไทย ร่วมมือกับ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กระทรวงสาธารณสุข ได้จับมือประชุมร่วมกับตัวแทนสมาคม และสมาพันธ์ จนได้ข้อสรุปและพร้อมที่จะลงนาม MOU ร่วมกัน ในวันที่6 ก.พ.56 นี้ ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาลนายกรัฐมนตรีได้ให้เกียรติมาเป็นประธาน

นายศักดิพงศ์ กล่าวว่า ซึ่งการลงนามในครั้งนี้เป็นการลงนามร่วมกันระหว่างสถ. กับ สปสช. สำนักงานคณะกรรมการการกระจายอำนาจฯ ตัวแทนสมาคม และสมาพันธ์ อปท.ร่วม 10 องค์กรเครือข่ายที่จะร่วมกันผลักดันและเดินหน้าให้เร็วเสร็จโดยเร็ว

"หลังจากลงนาม MOU แล้วทางกระทรวงสาธารณสุข จะนำเสนอข้อตกลงดังกล่าวต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อให้การรับรองถือว่าทุกหน่วยงานรับทราบที่จะดำเนินการต่อไป เบื้องต้น สถ.จะเป็นหน่วยงานขอตั้งงบประมาณเพื่อใช้จ่ายเป็นเงินกองทุน ประมาณ 6,500 ล้านบาทและสำนักงานคณะกรรมการการกระจายอำนาจฯ จะจัดสรรงบประมาณซึ่งเป็นในสัดส่วนของงบประมาณท้องถิ่นผ่านไปยังสถ.เพื่อโอนไปยัง สปสช.ตั้งเป็นกองทุนต่อไป" นายศักดิพงศ์ กล่าวและว่าปีงบประมาณ 2557เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.56 คาดว่าน่าจะเสร็จทันปีงบประมาณหลังจากนี้ ตนและคณะทำงานร่วมกัน ซึ่งมีรศ.วุฒิสาร ตันไชย เป็นประธานจะเร่งดำเนินการร่างพระราชกฤษฎีกาให้แล้วเสร็จภายในกำหนดระยะเวลาไม่เกิน 1 เดือน เพื่อนำเสนอให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจสอบรายละเอียดความถูกต้องหากไม่ติดขัดในข้อกฎหมายใดๆ หลังจากนั้นก็นำเสนอเข้าคณะรัฐมนตรีอีกรอบ เพื่อให้ความเห็นชอบก่อนประกาศเป็นพระราชกฤษฎีกาบังคับใช้ต่อไป คาดว่าใช้ระยะเวลาไม่เกิน3-4 เดือนคงเสร็จเรียบร้อย ในระหว่างนี้ให้ทาง สปสช. รีบดำเนินการจัดทำระเบียนข้อมูลของผู้มีสิทธิในเบิกค่ารักษาพยาบาลของท้องถิ่น

"ซึ่งในวันนี้หลักการ ยังคงเป็นไปตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยเงินสวัสดิการการรักษาพยาบาลพนักงานส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2541ซึ่งรวมถึงนายก อปท.ก็จะได้รับสิทธิตรงนี้และเข้าได้ทุกโรงพยาบาลของรัฐ 997 แห่งทั่วประเทศ ไม่ต้องสำรองจ่ายเงินล่วงหน้า มีมาตรฐานไม่ต่ำกว่าข้าราชการพลเรือน หรือข้าราชการประเภทอื่น ถือเป็นของขวัญปีใหม่ที่รัฐบาลโดยการนำของนายกรัฐมนตรี นางสาวยิ่งลักษณ์ชินวัตร และคณะโดยเฉพาะ สถ.และ สปสช.ที่ช่วยเหลือ ถือว่าท่านได้มอบของขวัญให้กับพวกเราชาวท้องถิ่นทั่วประเทศ" นายศักดิพงศ์ กล่าว

ที่มา: หนังสือพิมพ์สยามรัฐ วันที่ 31 มกราคม 2556