ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

 

กระทรวงสาธารณสุข กำหนดจัดตั้งเมืองศูนย์กลางสุขภาพอาเซียน 5 จังหวัด คือเชียงราย อุบลราชธานี จันทบุรี อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และกาญจนบุรี พร้อมพัฒนา 50 โรงพยาบาลชายแดน รองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี

เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2556 นายแพทย์ประดิษฐ์ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และนายแพทย์สุรเชษฐ์ สถิตนิรามัย ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เดินทางตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลนครพนมเพื่อรับฟังการพัฒนาโรงพยาบาลรองรับการเปิดประชาคมอาเซียน หรือเออีซี และตรวจเยี่ยมศูนย์สุขภาพเมือง หรือคลินิกอบอุ่นเทศบาลเมืองนครพนม และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพที่ตำบลบ้านโพน อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ที่ให้บริการตรวจรักษาและโรคทั่วไป โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง ช่วยลดความแออัดโรงพยาบาลใหญ่

นายแพทย์ประดิษฐ์ ให้สัมภาษณ์ว่า ในวันนี้ได้มารับทราบสถานการณ์และแผนการดำเนินงานนครพนม เพื่อนำไปปรับให้เข้ากับแผนของกระทรวงสาธารณสุขและแผนของเขตบริการสุขภาพว่า จะพัฒนาร่วมกันอย่างไร เพื่อให้การลงุนไม่ซ้ำซ้อน และคุ้มค่าคุ้มทุน ซึ่งโรงพยาบาลนครพนมต้องได้รับการพัฒนาบริการทางการแพทย์ โดยจุดมุ่งหมายหลักเพื่อให้คนในจังหวัดได้รับบริการที่มีคุณภาพ สำหรับชาวต่างชาติที่เข้ามารับบริการมีปีละประมาณร้อยละ 7-8 ของผู้ใช้บริการทั้งหมดนั้น ที่ผ่านมามีปัญหาการจัดเก็บค่ารักษาพยาบาลมีหนี้สูญร้อยละ 20 ดังนั้นจึงต้องมีการพัฒนาระบบควบคุมที่ชัดเจน เช่นการกำหนดอัตราค่าบริการ การทำข้อตกลงระหว่างรัฐบาลซึ่งต้องทำให้ชัดเจนก่อนที่จะเปิดประชาคมอาเซียน

ด้านนายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในการเตรียมพร้อมระบบบริการสาธารณสุขในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนได้วางแผนไว้ 2 ระดับ คือ 1.การพัฒนาระบบบริการในภาพรวมของประเทศได้แบ่งออกเป็น 12 เขตบริการสุขภาพ เพื่อใช้ทรัพยากรร่วมกันให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ลดการลงทุนซ้ำซ้อน โดยให้แต่ละเขตบริการวางแผนการใช้ทรัพยากรร่วมกันทั้งเครื่องมือและบุคลากร 2.เตรียมจัดตั้งเมืองศูนย์กลางสุขภาพอาเซียน กำหนดไว้ 5 จังหวัด คือ ภาคเหนือที่จังหวัดเชียงราย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่จังหวัดอุบลราชธานี ภาคใต้ที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ภาคตะวันออกที่จังหวัดจันทบุรี ภาคตะวันตกที่จังหวัดกาญจนบุรี นอกจากนี้ ได้เตรียมพัฒนาโรงพยาบาลชายแดน 50 แห่งเพื่อรองรับประชาชนแนวชายแดนที่จะข้ามพรมแดนเข้ามาใช้บริการด้วย