เมื่อวันที่ 4 เม.ย. นพ.เจตน์ ศิรธานนท์ รองประธานคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา คนที่ 1 กล่าวถึงความล่าช้าในการก่อสร้างโรงงานวัคซีนไข้หวัดใหญ่/ไข้หวัดนกในระดับอุตสาหกรรม ขององค์การเภสัชกรรม (อภ.) มูลค่า 1411.70 ล้านบาท ที่ ต.ทับกวาง อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขยื่นเรื่องต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ว่า เรื่องการก่อสร้างโรงงานวัคซีนเป็นเรื่องที่ทางกรรมาธิการให้ความสนใจค่อนข้างมาก จากที่มีการพูดคุยกัน คือ เรื่องเชื้อเป็นหรือเชื้อตาย ถามว่าควรมีการผลิตวัคซีนเชื้อเป็นหรือเชื้อตาย เนื่องจากวัคซีนเชื้อเป็นนั้นเป็นเรื่องที่ทำได้ยากและต้องอาศัยไข่ปลอดเชื้อ ต้องนำเข้าไข่จากต่างประเทศ ตรงนี้เป็นปัญหาค่อนข้างมาก
นพ.เจตน์ กล่าวต่อว่า ในเบื้องต้นสรุปว่าการสร้างโรงงานวัคซีนที่จะผลิตวัคซีนเชื้อเป็นมีความจำเป็นสำหรับเมืองไทย เพราะสามารถผลิตได้จำนวนมาก และถ้าผลิตได้เองก็เป็นหลักประกันให้กับคนไทย เนื่องจากในอนาคตข้างหน้าอาจมีโรคที่เกิดจากเชื้ออุบัติใหม่ ดังนั้นต้องเตรียมความพร้อมตรงนี้ ดังนั้นการที่เราจะตั้งโรงงานวัคซีนสักแห่งหนึ่ง มีที่ปรึกษาจากองค์การอนามัยโลก แล้วสร้างโรงงานที่สมบูรณ์แบบ มันไม่ใช่เรื่องง่าย ส่วนตัวเห็นใจทาง อภ. และผู้ที่เกี่ยวข้องเพราะโรงงานวัคซีนไม่เคยมีมาก่อน ถ้าเราคิดว่าการประมูลก่อสร้างโรงงานวัคซีนตรงไปตรงมาง่าย ๆ เหมือนกับการประมูลอื่น ๆ มันไม่ใช่ เพราะต้องคิดแตกต่างกันออกไป
ต่อข้อถามว่าการที่ อภ. เสนอปรับเปลี่ยนมาตรฐานห้องชีวภาพจากระดับ 2 เป็น2 บวกจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ถือว่าเหมาะสมหรือไม่ นพ.เจตน์ กล่าวว่า เราต้องเชื่อมั่นในเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ตอนนี้ อภ. โดนมรสุมเข้าไปหลายลูก ส่วนตัวเคยปฏิบัติงานร่วมกับ นพ.วิทิต อรรถเวชกุล ผอ.อภ. ในเขต 4 เนื่องจาก นพ.วิทิต เคยเป็น ผอ.รพ.บ้านแพ้ว ที่มีแนวคิดหัวก้าวหน้า ไม่ได้ยึดติดกับกฎหมายเป๊ะ ๆ เพราะจะทำให้ทำงานลำบาก
"เท่าที่ผมรู้จักกับ นพ.วิทิต มาผมมั่นใจในความซื่อสัตย์ ประวัติที่ผ่านมาเขาค่อนข้างคลีนเมื่อเทียบกับคนอื่น แต่ผมไม่ได้บอกว่าเป็นผ้าขาว 100% นะ คือ ที่ผ่านมาเขาไม่เคยมีปัญหาเรื่องนี้ ในตอนนี้เนื่องจากดีเอสไอเข้าไปตรวจสอบแล้ว คงต้องปล่อยให้ดีเอสไอทำงานอย่างตรงไปตรงมา อย่างไรก็ตาม ดีเอสไอไม่ใช่ผู้ดำรงความยุติธรรมเพียงฝ่ายเดียว ดังนั้นผลสุดท้ายเรื่องนี้ต้องดูว่าดีเอสไอสอบสวนแล้วมีมูลหรือไม่ ถ้ามีมูลก็ต้องไปว่ากันต่อที่ศาล" นพ.เจตน์ กล่าว
ที่มา: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 5 เมษายน 2556
