ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

เก้าอี้ร้อนที่สุดในขณะนี้ คงหนีไม่พ้น นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รมว.สาธารณสุข เพราะถูกชมรมแพทย์ชนบท แพทย์อาวุโส รวมถึงเครือข่ายภาคประชาชนออกมาเขย่าขวัญรายวันทั้งประเด็นการจ่ายค่าตอบแทนตามภาระงาน หรือ "พีฟอร์พี" กรณีการตรวจสอบองค์การเภสัชกรรม (อภ.) และอีกสารพัดเรื่อง แต่ทำไม "หมอประดิษฐ" ยังคงยืนหยัดอยู่ได้ "ทีมข่าวการเมืองเดลินิวส์" ได้รับเกียรติสัมภาษณ์เจาะใจในเรื่องนี้

*** รู้สึกอย่างไรที่ถูกด่าทุกวัน

เรื่องถูกด่าบอกตรง ๆ ว่าผมเตรียมตัวเตรียมใจมาแล้ว ตั้งแต่มาเป็นรัฐมนตรีอยู่ในรัฐบาลชุดนี้ซึ่งมีทั้งคนชอบและไม่ชอบ พอมาทำงานมาเจอสิ่งที่ไม่คาดหวัง เพราะเข้ามาตอนแรกคิดว่าจะเข้ามาปฏิรูปหรือพยายามปรับระบบสุขภาพอย่างตรงไปตรงมา แต่พอเข้ามาเจอปัญหาไม่ปกติหลายเรื่อง ทำให้รู้สึกไม่ชอบเท่าไหร่ ไม่คิดว่าต้องมาเจอเรื่องขนาดนี้ ไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจมาเจอ เตรียมตัวเตรียมใจมาว่าจะปรับโครงสร้างต้องเจอปัญหาคนไม่เห็นด้วย ต้องไปคอนวินซ์ (โน้มน้าว)คน แต่นึกไม่ถึงว่าจะมาเจอแบบนี้ และเป็นวิธีที่รุนแรง ถามว่าหวั่นไหวไหม ผมไม่รู้สึกหวั่นไหวเพราะเป็นหน้าที่ที่ผมต้องทำ ถามว่าขณะนี้รู้สึกยังไง ผมรู้สึกว่าเราเสียเวลามาเยอะ เราต้องเดินไปข้างหน้าแล้ว อยากให้คนที่อยู่ในระบบทั้งหมดคิดว่า เราจะเดินหน้าสร้างอะไรดี ๆ ในอนาคต อย่าไปจมปลักกับปัจจุบันหรืออดีตที่ไม่ถูกต้องหลาย ๆอย่าง เดินไปข้างหน้าดีกว่า เหมือนตอนทำ 30 บาท ก็มีปัญหาอุปสรรคแต่ทำได้มาจนถึงทุกวันนี้ พีฟอร์พีก็เป็นส่วนหนึ่งของการปฏิรูป ผมกลับมาคิดอยู่หลายวันก็บอกปลัดกระทรวงสาธารณสุขไปว่า ผมไม่รู้นะว่าใครจะคิดยังไง แต่ผมก็เดินหน้าของผม เพราะผมคิดว่าส่วนรวมประชาชนต้องการในเรื่องนี้เป็นเรื่องที่จำเป็น

*** ข้อกล่าวหามีหลายเรื่องคนอาจไม่เข้าใจ

ผมคิดว่าวันนี้คนเข้าใจนะ เพราะทุกวันนี้ไม่มีใครเข้ามาว่าผมแบบส่วนตัว ข้อกล่าวหาทั้งหมดไม่ได้อยู่บนพื้นฐานที่มีหลักฐาน อย่างเช่นบอกว่าผมเป็นหมอธุรกิจ ถามว่าผมไปเกี่ยวข้องอะไรกับโรงพยาบาลเอกชนบ้างไหม ไม่มี บริษัทยาไม่มี บอกว่าผมเป็นหมอขายวัสดุก่อสร้างผมก็ไม่เคยปฏิเสธกำพืดผม อดีตผม แต่ปัจจุบันผมไม่ได้ทำ ก็จบ เพราะฉะนั้นข้อกล่าวหาต่าง ๆ ไม่ถูกต้องแม้แต่เรื่องนามธรรม เช่น ผมจะมาทำลายระบบ "ส" ผมก็อธิบายแล้วว่าไม่ได้ทำ คนก็เข้าใจกันหมด บอกว่าผมมาฮุบเงิน สปสช.ก็อธิบายแล้วว่าเป็นมติบอร์ด ดังนั้นเมื่อผมไม่ได้ทำผิด ผมไม่ได้กังวลใจอะไร ถ้าผมทำผิดสิจะกังวลว่าต้องทำยังไงดี แต่ข้อกล่าวหาไม่มีอะไร มีคนมาถามผมว่ารู้สึกอย่างไร ผมบอกเฉย ๆ เพราะไม่ได้กล่าวเรื่องจริง ไม่มีปัญหาอะไร

*** คิดว่าข้อกล่าวหาของน้อง ๆ มีเหตุผลถึงขั้นต้องมาขับไล่หรือไม่

ผมคิดว่าไม่สมเหตุผลอยู่แล้ว เพราะดำเนินการเชิงนโยบายอย่างนี้ ถ้าพูดเป็นท่อน ๆ ไล่เพราะผมทำพีฟอร์พี ต่อมาไล่เพราะผมทำเมดิคัล ฮับ ไล่เพราะผมล้มตระกูล "ส" มันไม่สมเหตุผลอะไรเลย อย่าลืมว่าทุกเรื่องต้องมีคนตัดสินใจ กำหนดนโยบายเป็นหน้าที่ของผม เพราะฉะนั้นถ้ามาไล่ผมเพราะนโยบาย เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง มันไม่ใช่นโยบายที่ผิดอะไร ถ้ามาไล่เพราะประพฤติตนไม่เหมาะสมผมยินดีรับ

*** ทำไมความเป็นแพทย์รุ่นพี่รุ่นน้องพูดคุยกันไม่ได้

ผมก็ไม่ทราบว่าทำไมนะ อาจจะเป็นเพราะว่ามีประเด็นอยู่ในใจว่ามีอคติในเรื่องอื่น หรือมีธงอยู่ในเรื่องอื่นอยู่แล้ว อย่างเรื่องพีฟอร์พีผมก็ไม่เข้าใจมีการประชุม เชิญเขามาเป็นกรรมการ จนมีการบุกเข้ามาว่าผม แต่หลังจากนั้นก็พอเข้าใจว่า ต่อให้ไม่มีพีฟอร์พีก็จะไล่รัฐมนตรีออก อย่างนี้คงมีความตั้งใจอย่างอื่นซึ่งจะเกิดจากอะไรไม่รู้

*** หมอผู้ใหญ่บางท่านก็ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ด้วย

ผมอยากให้หมอผู้ใหญ่ทั้งหลาย ท่านต้องตรวจสอบข้อมูลก่อนที่จะมาคุยอะไร ถ้าท่านไปฟังข้อมูลแล้วมาวิจารณ์เลย ผมคิดว่ามันอาจจะรีบร้อนเกินไป ควรมาคุยกันก่อนด้วยเหตุด้วยผลว่าเรื่องมันเป็นอย่างไรทั้ง 2 ด้านก่อนที่จะมาพูดในที่สาธารณะ บางครั้งอยากจะเรียนว่าข้อมูลบางอย่างมันคนละกาลเวลากัน คนละยุคสมัย เพราะฉะนั้นมันอาจจะเกิดปัญหาได้ถ้าท่านใช้ข้อมูลในกาลเวลาของท่านมาคุยมาตัดสินใจเพราะปัจจุบันก็มีที่มาที่ไป และท่านต้องให้เกียรติคนทำงาน ไม่ใช่ผมถือตัววิจารณ์ไม่ได้ ถ้าเอาคนละวันเวลาคนละสมัยมาพูด มาวิจารณ์กัน โดยไม่มีข้อมูลมันจะเกิดปัญหาอย่างนี้

*** พร้อมให้ตรวจสอบทุกเรื่อง

ผมยินดีให้ตรวจสอบถึงได้พูดตลอดว่าให้ไปตรวจสอบประวัติผม ซึ่งก็มีการไปตรวจประวัติจนหมด รู้ไปจนกระทั่งว่าผมเรียนที่ไหน ทำงานที่ไหน อยู่โรงพยาบาลไหน มีหุ้นที่ไหน และช่วยตรวจสอบด้วยว่าผมไปมีหุ้นในบริษัทยาไหม และช่วยเอามาบอก หรือผมไปรับค่าคอมมิสชั่นจากการประมูลเครื่องตรวจเบาหวานหรือไม่อย่างนี้ ตอบมาเลย หรือคนใกล้ชิดผมไปทำ ผมก็ต้องรับผิดชอบและจัดการ ถ้าผมดูแลคนใกล้ชิดผมไม่ดี ซึ่งต้องพิสูจน์หมด แต่ถ้ากล่าวหาเลื่อนลอย สิ่งที่ผมรู้สึกไม่ดี คือไม่เป็นธรรมกับผม เพราะผมไม่เคยกล่าวหาใคร ผมไม่เคยพูดว่าใครทุจริต ไม่ว่าทุกเรื่อง ผมบอกเพียงว่ามันดูไม่ปกติ ถ้าอธิบายได้สมเหตุผลก็จบ

*** ถ้ามีการทุจริตเกิดขึ้นจะดำเนินการอย่างไร

ผมไม่มีการละเว้นอยู่แล้ว ถ้าเป็นตัวผมทุจริตผมยินดีให้มีการสอบสวน ดำเนินคดี แต่ถ้าเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาผม ผมจะดำเนินการสอบสวน ลงโทษทางวินัยไม่มีละเว้น และถ้ามีการแอบอ้างชื่อผม ผมยินดีให้ตรวจสอบว่าผมมีส่วนได้ส่วนเสีย มีผลประโยชน์อะไรไหม ผมอยากจะทำให้มันตรงไปตรงมา เพราะฉะนั้นผมยืนยันเรื่องนี้ทุกระดับ ไม่มีการเกรงใจกัน

*** การยื่นเรื่องให้ดีเอสไอตรวจสอบ ทางสหภาพ อภ.อาจจะไม่เข้าใจ

เป็นการทำตามหน้าที่อยู่แล้ว ไม่ว่าเรื่องวัตถุดิบพาราเซตามอลที่ได้ยินเรื่องการปนเปื้อน มันเป็นเรื่องความปลอดภัย เมื่อตรวจสอบแล้วก็ต้องอธิบายให้ชัดเจน เพราะถ้าทำอะไรคลุมเครือ ประชาชนอาจไม่มั่นใจ เมื่อตรวจสอบแล้วลามไปเรื่องการก่อสร้างด้วยก็ต้องเข้าไปตรวจสอบอีก โรงงานวัคซีนเหมือนกัน จะเดินหน้าต่อด้วยการของบประมาณเพิ่มก็ต้องอธิบายก่อน อดีตเป็นอย่างไร มันโยงไปถึงหลาย ๆ เรื่อง บางเรื่องที่ได้ยินมา เช่น การจะเอายาใกล้หมดอายุไปจำหน่าย จ่าย แจก มันเป็นเรื่องหน้าที่ที่ผมต้องทำ เพราะเป็นเรื่องความเชื่อมั่น เรากำลังทำงานในองค์กรที่อยู่ในความเชื่อมั่นของประชาชน ที่ซื้อขายวัสดุเกี่ยวกับชีวิตเขา ถ้าผมไม่ทำ ความเชื่อมั่นไม่มี สิ่งที่จะเกิดคือองค์กรอาจจะยุบลงไปเลย ดังนั้นผมต้องทำความเชื่อมั่นให้ประชาชนเห็นว่า ถ้ามีปัญหาแล้วได้รับการแก้ไข หรือผู้ที่ทำให้เกิดปัญหาต้องรับผิดชอบออกไป สิ่งที่เหลือคือความถูกต้อง เพราะองค์กรไม่มีใครทำลายได้ แต่ถ้าหมดความเชื่อถือ องค์กรจะอยู่ไม่ได้

หลายคนพยายามเอาไปโยงว่าผมต้องการเปลี่ยนตัวผู้บริหารหรือไม่ ผมไม่มีวัตถุประสงค์อย่างนั้น ท่านผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรมเคยคุยกับผมว่าอยากจะลาออก ผมเคยบอกท่านแล้วว่า ท่านผู้อำนวยการครับถ้าเป็นผมจะไม่ลาออกด้วยเรื่องแบบนี้ ผมจะอยู่สู้ข้อเท็จจริง ถ้าท่านผู้อำนวยการเชื่อว่าท่านทำถูกต้องหมด ผมจะอยู่เพื่อพิสูจน์ ถ้าท่านออกไปจะไม่เป็นคุณกับท่านเลย เพราะจะไม่ได้รับการพิสูจน์ในเรื่องต่าง ๆ เพราะฉะนั้นผมเป็นคนบอกท่านเองให้อยู่ต่อ ไม่ได้คิดจะไล่ออก

*** แสดงว่าตอนนี้ยังไม่ถอดใจหรือท้อแท้

ผมไม่ถอดใจ จะเดินหน้าต่อไป อย่างที่บอก ผมคิดถึงอนาคตว่า ปี 58 จะของบอย่างไร ปี 59 จะทำอย่างไร เราเสียโอกาสกับเรื่องนี้มา 3-4 เดือนแล้ว ควรจะทำอะไรให้กับประชาชนได้มากกว่านี้

ที่มา: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 27 เมษายน 2556