ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

 

เมื่อวันที่ 26 เม.ย. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นพ.วิชัย โชควิวัฒน อดีตประธานกรรมการบริหารองค์การเภสัชกรรม (อภ.) เข้าพบนายธานินทร์ เปรมปรีดิ์ ผอ.ศูนย์ป้องกันและปราบปรามการทุจริต เพื่อให้ปากคำในกรณีก่อสร้างโรงงานผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่และไข้หวัดนกล่าช้าตามที่ นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รมว.สาธารณสุข ร้องให้ตรวจสอบ โดย นพ.วิชัย กล่าวก่อนเข้าให้ปากคำว่า ความล่าช้าเริ่มมีตั้งแต่ขั้นตอนการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ช้าจากปี 2550 เป็นปี 2554 รวมถึงปัญหาด้านเทคนิค ซึ่งประเทศไทยยังไม่เคยมีเทคโนโลยีด้านนี้ เมื่อมีการก่อสร้างจึงติดขัดโดยปัญหาที่ทำให้ล่าช้ามากที่สุดมาจากปัญหาหลักเกณฑ์ก่อสร้างทำให้ต้องมีการทบทวนแบบเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด นอกจากนี้ยังประสบภาวะน้ำท่วมเมื่อปี 2554 ทำให้ต้องมีการปรับฐานรากใหม่เนื่องจากเดิมจะมีห้องใต้ดินแต่อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำใต้ดินเกรงว่าจะมีปัญหาความชื้นจึงต้องแก้ไขใหม่

ด้านนายธานินทร์ กล่าวว่า ทางพนัก งานสอบสวนตั้งประเด็นสอบถึงเหตุผลในการจัดซื้อจัดจ้างว่ามีกระบวนการอย่างไร เริ่มตั้งแต่กระบวนการขอมติ ครม. รวมทั้งแผนการผลิตวัคซีน ซึ่งในทุกประเด็นจะต้องมีการสอบปากคำพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องเพื่อเสาะหาพิรุธ หากไม่พบก็ถือว่ายุติแต่ถ้ามีพบข้อสงสัยเพิ่มเติมก็ต้องสอบสวนต่อไป ขณะนี้พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการประมวลข้อมูลและพยานหลักฐานทั้งเรื่องการปนเปื้อนยาพาราเซตามอล และการก่อสร้างโรงงานผลิตวัคซีน ดังนั้น จึงเร็วเกินไปที่จะสรุปว่าใครผิดใครถูก เนื่องจากผู้ที่เกี่ยวข้องมีทั้งเอกชนและเจ้าหน้าที่รัฐซึ่งในส่วนของเจ้าหน้าที่หากพบว่ามีความผิดจริงดีเอสไอก็จะสรุปสำนวนส่ง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยจะชี้มูลเบื้องต้นว่าในส่วนของบุคคลว่ามีผู้ใดเข้าไปเกี่ยวข้องในกระบวนการใดบ้าง สำหรับในส่วนของเอกชนหากพบมูลความผิดดีเอสไอก็จะสรุปสำนวนส่งให้อัยการเพื่อสั่งฟ้องต่อไป.

--เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 28 เม.ย. 2556 (กรอบบ่าย)--