ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

 

“ประดิษฐ” ขู่กลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ อย่าบิดเบือนข้อมูลป่วยฉุกเฉิน จะฟ้องร้องคิดให้ดี ลั่นพร้อมตอบโต้

นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รมว.สาธารณสุข กล่าวภายหลังการประชุมทิศทางพัฒนากระทรวงสาธารณสุขและการปรับจ่ายค่าตอบแทนตามภาระงาน หรือพีฟอร์พี ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ว่า ในระยะแรกยังเป็นขั้นการทำความเข้าใจก่อนเริ่มลงมือปฏิบัติ ดังนั้นขณะนี้จึงยังไม่สามารถประเมินอะไรได้ โดยในส่วนของโรงพยาบาลชุมชน (รพช.) ยังอยู่ในขั้นตอนของการส่งข้อมูลว่าจะปรับระดับของพื้นที่หรือไม่ อย่างไรก็ตาม สำหรับความเห็นที่ยังคัดค้านอยู่นั้น ตนก็พยายามอธิบายมาโดยตลอดและยืนยันว่าหลักการของเรื่องนี้ต้องเดินหน้าต่อไป ส่วนกรณีที่โรงพยาบาลชุมชนใน 7 จังหวัดภาคใต้ เสนอให้ สธ.ใช้หลักเกณฑ์จ่ายเป็น 2 ระบบ นั้นคงเป็นไปได้ยาก เพราะระบบใหม่เป็นการเหมาจ่ายอยู่แล้วและเพิ่มด้วยพีฟอร์พี ไม่ได้เป็นการตัดสิทธิเดิม เป็นโอกาสที่จะได้รับค่าตอบแทนเพิ่มขึ้น ซึ่งบุคลากรสายอื่นจะได้รับค่าตอบแทนเพิ่มขึ้นด้วย แต่หากทำแบบเดิมบุคลากรสายอื่นก็จะไม่ได้รับค่าตอบแทนเพิ่ม

ส่วนกรณีโครงการเจ็บป่วยฉุกเฉินที่กลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ จะฟ้องร้องกรณีที่ผู้ป่วย 800 คนต้องเสียค่ารักษาพยาบาลเอง เนื่องจากไม่เข้าข่ายการเจ็บป่วยฉุกเฉิน และกรณีที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ต้องสำรองจ่ายเงินบางส่วนไปก่อนนั้น นพ.ประดิษฐ กล่าวว่า การเรียกเก็บเงินต้องมีการทำแบบเป็นขั้นเป็นตอน แต่ด้วยระบบราชการมักจะใช้เวลานานในขั้นตอนการเบิก ดังนั้นการเบิกจ่ายสามารถทำได้แน่นอน โดยได้สอบถามกรมบัญชีกลางและ สปสช.แล้ว ส่วนกรณีที่จะมีการดำเนินการฟ้องร้องในเรื่องการดำเนินงานนโยบายเจ็บป่วยฉุกเฉินนั้น หากจะมีการฟ้องร้องจริงก็ถือว่าเป็นสิทธิที่จะทำได้ แต่หากฟ้องร้องไปบิดเบือนข้อเท็จจริง คณะกรรมการ สปสช.ก็จะดำเนินการตอบโต้เพื่อปกป้องสิทธิของคณะกรรมการเช่นกัน ดังนั้นหากจะฟ้องร้องก็ขอให้ใช้ดุลพินิจให้ดี

“เรื่องอุบัติเหตุฉุกเฉินรักษาได้ทุกโรงพยาบาลเป็นนโยบายที่ดี และจากการประเมินพบว่ามีคนมาใช้สิทธิตามนโยบายประมาณ 20,000 คน มีผู้เจ็บป่วยฉุกเฉินถึงชีวิตประมาณ 9,000 คน หากไม่มีนโยบายนี้คนในจำนวนดังกล่าวอาจเสียชีวิตมากกว่าครึ่ง” นพ.ประดิษฐกล่าว

ที่มา: นสพ.ไทยรัฐ วันที่ 4 พฤษภาคม 2556