ข้ามไปยังเนื้อหาหลัก

 

"ธาริต" โวยหมอวิทิตไม่ให้ความร่วมมือสอบปากคำกรณีทุจริตวัคซีนไข้หวัดใหญ่ อ้าง ผอ.อภ.ตั้งแง่ขอชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษร ด้านทนายความหมอวิทิตเผยนั่งอยู่ด้วยตอนสอบปากคำ ลูกความให้ความร่วมมือดี เพียงแต่ต้องการให้ดีเอสไอระบุประเด็นที่ต้องการรู้ ก่อนจะมาชี้แจงด้วยตัวเองคราวหน้า "หมอประดิษฐ" ครวญไม่เคยกล่าวหา อภ. น้อยใจถูกหาว่าเป็นตัวก่อเรื่อง

นายธาริต เพ็งดิษฐ อธิบดีดีเอสไอ กล่าวถึงการเข้าสอบปากคำของ นพ.วิทิต อรรถเวชกุล ผอ.องค์การเภสัชกรรม (อภ.) กรณีการก่อสร้างโรงงานผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่ไข้หวัดนกล่าช้า ตามการยื่นเรื่องร้องเรียนของ นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ว่า จากการเรียก นพ.วิทิตมาสอบปากคำ ดีเอสไอไม่ได้รับความร่วมมือจาก นพ.วิทิตเท่าที่ควร เพราะ นพ.วิทิตแทบจะไม่ให้การใดๆ เลย แต่ตั้งเงื่อนไขว่าให้ดีเอสไอตั้งประเด็นสอบถามเป็นหนังสือส่งไปสอบถามแทน จากนั้นจะขอชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรกลับมาอีกครั้ง ซึ่งดีเอสไอมองว่า นพ.วิทิตมีลักษณะตั้งแง่กับดีเอสไอ ทั้งที่ผ่านมาดีเอสไอพยายามให้เกียรติ นพ.วิทิต

ทั้งนี้ ยืนยันว่าดีเอสไอมีอำนาจในการสอบ สวน ขณะที่ นพ.วิทิตมีหน้าที่ให้การไปตามข้อเท็จจริง โดยประเด็นที่ดีเอสไอตรวจสอบพบว่ามีปัญหาต้องชี้แจงในหลายประเด็น เช่น การแบ่งซื้อแบ่งจ้าง ความเหมาะสมของในการขับเคลื่อนโครงการ ความสัมพันธ์ของบริษัทสัญญาที่แยกออกเป็นหลายคู่สัญญาว่ามีประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ การเอื้อประ โยชน์กับเอกชนทำให้รัฐเสียหายหรือไม่ ซึ่งดีเอสไอกำหนดให้ นพ.วิทิตชี้แจงรายละเอียดเป็นลายลักษณ์อักษรมาให้ดีเอสไอภายในวันที่ 15 พ.ค.นี้

นายสมศักดิ์ โตรักษา ทนายความประจำตัว นพ.วิทิต กล่าวว่า กรณีที่นายธาริตออกมาพูดว่า นพ.วิทิตไม่ให้ความร่วมมือในการสอบปากคำนั้นไม่เป็นความจริง เพราะตนได้นั่งอยู่ด้วยระหว่างที่มีการชี้แจง ซึ่ง นพ.วิทิตได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เพียงแต่ในการให้ข้อมูลครั้งต่อไป ขอให้ดีเอสไอระบุประเด็นที่ต้องการทราบด้วย เพื่อที่จะได้หาเอกสาร หลักฐาน ข้อมูลมายืนยัน และอีกประการ นพ.วิทิตติดประชุมต่อที่ อภ. จึงขอมาให้ข้อมูลในคราวหน้า

"ดีเอสไออยากรู้อะไรก็บอกมา และคุณหมอวิทิตจะไปชี้แจงด้วยตัวเองพร้อมหลักฐาน ส่วนการให้ปากคำในทางกฎหมายสามารถทำได้ 2 วิธี เป็นลายลักษณ์อักษร หรือปากเปล่าก็ได้ ทั้ง 2 วิธีไม่ผิด ไม่มีกฎหมายห้ามไว้" นายสมศักดิ์กล่าว

ด้าน นพ.ประดิษฐ รมว.สธ. กล่าวว่า กรณีการก่อสร้างโรงงานผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่ กรณียาโคลพิโดเกล วัตถุดิบโอเซลทามิเวียร์ ต้องมีการตรวจสอบทำคู่ขนานกับการตรวจสอบของดีเอสไอ ส่วนกรณีที่สหภาพรัฐวิสาหกิจของ อภ.เดินทางไปยื่นหนังสือต่อสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยสมาชิกสภาที่ปรึกษาระบุว่า สิ่งที่เกิดขึ้นใน อภ.เป็น กระบวนการเพื่อปลด นพ.วิทิตนั้น นพ.ประดิษฐกล่าวว่า ตนเคารพทุกคนที่กรุณาออกมาให้ความเห็น แต่ไม่รู้ว่าให้ความเห็นในฐานะอะไร สิ่งที่ตนยอมมาตลอดทุกวันนี้คือยอมให้มีการกล่าวหาทุกเรื่อง ซึ่งให้ความจริงพิสูจน์ว่าตนพูดเลื่อนลอยหรือไม่

"ผมเลยสงสัยว่าทำไมคนที่พยายามจะเข้าไปป้องกันปัญหาต่างๆ จึงถูกกล่าวหาว่าเป็นคนสร้างความยุ่งยาก ในขณะที่คนทำให้เกิดปัญหากลับได้รับการดูแลอีกแบบหนึ่ง ปัญหาทุกอย่างที่ผมยกขึ้นมาเป็นปัญหาที่สำคัญกับประชาชนทั้งนั้น และเข้าไปแก้เชิงระบบ ผมแก้ตั้งแต่ต้นทางเลยว่าต่อไปจะไม่ให้เกิดอย่างนี้อีก เพราะว่าประเทศไทยไม่ได้อยู่ในความเสี่ยง ถ้าผมปล่อยตรงนี้ไปแล้วเอกชนเอาแนวคิดนี้ไปใช้ แล้วใครจะเป็นผู้ควบคุมมาตรฐาน ใครจะตามเก็บยาคืน อภ.ต้องเป็นตัวอย่างที่ดีของรัฐ เพราะมาตรฐานสูงขึ้นมาอีกขั้นหนึ่ง ผมพยายามแก้ปัญหา แต่ก็เสียใจที่หาว่าผมเป็นคนสร้างความยุ่งยาก" นพ.ประดิษฐกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า อภ.ส่งรายงานรายการยาหรือวัตถุดิบที่ใกล้หมดอายุมาให้แล้วหรือยัง นพ.ประดิษฐกล่าวว่า ยังไม่ได้ส่งมา ล่าสุดเมื่อวันที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมา ได้สอบถาม อภ.ว่าในสต็อกยา 3,400 ล้านบาท มียาอะไรที่ใกล้หมดอายุหรือไม่ เช่น กลุ่มยาที่เหลืออายุการผลิตอีก 1 ปี มีจำนวนเท่าไหร่ มูลค่าเท่าไหร่ ซึ่ง นพ.วิทิตก็ตอบรับ แต่ตนก็ยังไม่ได้รับราบงาน คาดว่าคงต้องใช้เวลาพอสมควรในการตรวจสอบ

"ผมว่าคนที่พูด ยิ่งพูด อภ.จะยิ่งช้ำ อภ.มีเงินหรือเปล่า เครื่องจักรเสร็จไหม ทุกคนมาแฉปัญหา ผมถามว่าทุกวันนี้ผมมาแฉอะไรบ้าง ผมไม่เคยพูดเลย คนที่ออกมาว่าผมคือคนที่เอาปัญหามาพูดก่อนทั้งนั้น ต้องไปถามคนนั้นตกลงใครทำกันแน่ มีแต่คนอื่นออกมาพูด อภ.จะโดนอย่างนั้น จะโดนอย่างนี้ แล้วคนก็มาถามผม ทุกเรื่องขณะนี้ผมเคยไปก่อเรื่องอะไร" นพ.ประดิษฐกล่าว

ที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ วันที่ 9 พฤษภาคม 2556

เรื่องที่เกี่ยวข้อง